วันพุธที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2553

"คอลีฟะห์อุมัร อิบนุ คอฏฏอบ"

ประวัติ

คอลีฟะห์อุมัร เป็นบุตรของอัลคอฏฏอบ บุตรของนุไฟอฺ มีฉายานามว่า อัลฟารุก ( ผู้จำแนกระหว่างความจริงกับความเท็จ ) มีชื่อเล่นว่า อบูฮัฟสฺ ท่านสืบเชื้อสายมาจาก ตระกูลตะดียฺ จากเผ่ากุเรช ท่านเกิดหลังจากท่านนบีมูฮำหมัด 13 ปี ท่านได้รับการเลี้ยงดูให้มีความกล้าหาญ ชอบช่วยเหลือผู้อื่น และพูดจริง

ท่านนบีมูฮำหมัด ประกาศศาสนาอิสลาม ท่านอุมัรเป็นผู้หนึ่งที่ต่อต้านอย่างรุนแรง และได้ทำร้ายต่อบรรดามุสลิม จนกระทั่งอัลเลาะห์ทรงเปิดหัวใจของท่านให้นับถือศาสนาอิสลาม ท่านจึงกลายเป็นกำลังสำคัญ ในการปกป้องศาสนาอิสลาม และมุสลิมจากการทำร้ายของกาฟิร ลักษณะและอุปนิสัยของคอลีฟะห์อุมัร คอลีฟะห์อุมัรเป็นผู้ที่มีร่างกายสูงใหญ่ แข็งแรง มีผิวขาวปนแดง เสียงดังไม่ค่อยหัวเราะ อ้วนท้วม มีความเด็ดขาดและยุติธรรม มีสติปัญญาเฉียบแหลม รังเกียจความอธรรม ยืนหยัดในความจริง มีความบริสุทธิ์ในศาสนา การดำรงตำแหน่งคอลีฟะห์ เมื่อคอลีฟะห์อบูบักรป่วยลง ท่านได้เรียกบรรดาซอฮาบะห์ของท่านร่อซูล มาเพื่อปรึกษาหารือ ถึงผู้ที่จะดำรงตำแหน่งคอลีฟะห์คนต่อไป ท่านได้เสนอให้ท่านอุมัรเป็นคอลีฟะห์เนื่องจากว่าท่านอุมัร เป็นผู้ที่มีความเด็ดขาด มีความยุติธรรม ยืนหยัดอยู่กับความจริง และกลัวว่าจะเกิดความแตกแยกระหว่างมุสลิม บรรดาซอฮาบะห์ของท่านนบีมูฮำหมัด เห็นชอบด้วยที่จะให้ท่านอุมัรเป็นคอลีฟะห์สืบต่อจากท่านอบูบักร

อ่านบทความต่อ คลิ๊ก เลือกความคิดเห็น
Muslim Hot Report : คอลีฟะห์ทั้ง 4

"คอลีฟะห์อุสมาน"

ประวัติ
ท่านอุสมานเป็นบุตรของอัฟฟาน บุตรของอัลอาศ ท่านมีชื่อเล่นว่า อบูอัมรฺ และมีฉายานามว่า ซุนนูรอยนฺ เนื่องจากว่าท่านได้แต่งงานกับลูกสาวของท่านนบีมูฮำหมัด 2 คน คนแรกคือ นางรุกอยยะห์ เมื่อนางรุกอยยะห์ถึงแก่กรรม ท่านได้แต่งงานกับอุมมุกัลโซม ท่านสืบเชื้อสายมาจากตระกูลอุมัยยะห์ จากเผ่ากุเรช ท่านเกิดหลังจากท่านรอซูล 5 หรือ 6 ปี
ท่านอุสมานเป็นบุคคลแรกๆที่เข้านับถือศาสนาอิสลาม ท่านเป็นอาลักษณ์คนหนึ่งของท่านนบีมูฮำหมัด และได้ร่วมทำสงครามกับท่านรอซูล ทุกครั้ง นอกจากสงครามบัดรฺ เนื่องจากท่านต้องดูแลภรรยาท่านที่เจ็บป่วย
คอลีฟะห์อุสมานมีความอ่อนโยน เป็นที่รักใคร่ในหมู่ชาวกุเรช โดยเหตุนี้ ท่านรอซูล จึงส่งให้ท่านเป็นทูตเพื่อเจรจากับพวกชาวกุเรช และมีการทำสัญญาซึ่งเรียกว่า “สัญญาฮุดัยบียะห์” ท่านเป็นผู้ที่ใจบุญ โดยบริจาคทรัพย์สินจำนวนมากในหนทางของอัลเลาะห์ เกี่ยวกับความใจบุญของท่านนั้น ท่านได้บริจาคทรัพย์สินของท่านทั้งหมด ในการเตรียมกองทัพ เพื่อรบกับพวกฆอซาซีนะห์ ซึ่งกองทัพนี้มีชื่อว่า “กองทัพขาดแคลน” ในสมัยคอลีฟะห์อุมัร ได้เกิดความแห้งแล้งและขาดแคลนอาหาร ท่านได้บริจาคสินค้าและอาหารในกองคาราวานของท่านทั้งหมด ให้แก่ผู้ยากจนในเมืองมะดีนะห์
การแต่งตั้งเป็นคอลีฟะห์
ก่อนที่คอลีฟะห์อุมัรจะถึงแก่กรรม บรรดามุสลิมได้ขอให้ท่านคัดเลือกผู้ที่จะดำรงตำแหน่งคอลีฟะห์สืบต่อจากท่าน คอลีฟะห์อุมัรจึงได้เสนอชื่อซอฮาบะห์อาวุโสของท่านนบีมูฮำหมัด 6 คน ให้พวกเขาปรึกษาหารือกัน เพื่อคัดเลือกคนหนึ่งให้ดำรงตำแหน่งคอลีฟะห์ บุคคลทั้งหกได้แก่ ท่านอาลี อิบนุอบีฏอลิบ ท่านอุสมาน อิบนุอัฟฟาน ท่านซะอัด อิบนุอบีวักก้อส ท่านอัลดุลเราะห์มาน อิบนุอุบัยดิลลาห์ ในที่สุดก็ได้มีการคัดเลือกให้ท่านอุสมานดำรงตำแหน่องคอลีฟะห์

อ่าวบทความเพิ่มเติม คลิ๊ก เลือกความคิดเห็น
Muslim Hot Report : คอลีฟะห์ทั้ง 4

"คอลีฟะห์ อาลี"

เชื้อสาย
คอลีฟะห์อาลี เป็นบุตรของท่านอบูฏอลิบ ซึ่งเป็นลุงของท่านนบีมูฮำหมัด ท่านมีฉายานามว่า อบูตุร้อย ท่านเกิดภายหลังท่านนบีมูฮำหมัด เป็นเวลา 32 ปี ท่านนบีมูฮำหมัด ได้เลี้ยงดูท่านอาลีตั้งแต่เยาว์วัยจนกระทั่งท่านได้รับแต่งตั้งให้เป็นนบี ท่านอาลีเป็นเด็กคนแรกที่นับถือศาสนาอิสลาม ขณะนั้นท่านมีอายุไม่ถึง 13 ปี ท่านเป็นผู้ที่นอนแทนท่านนบีมูฮำหมัด ในค่ำคืนที่ท่านนบีอพยพ ท่านได้เข้าร่วมทำสงครามกับท่านนบีมูฮำหมัดทุกครั้ง นอกจากสงครามตะบู้ก
ท่านอาลีมีรูปร่างค่อนข้างเตี้ย อ้วน ผิวดำแดง มีเคราขาว ตาโต มีความกล้าหาญ ฉลาดรอบรู้ พูดจาฉะฉาน ท่านแต่งงานกับท่านหญิงฟาติมะห์ บุตรสาวของท่านนบีมูฮำหมัด
การเป็นคอลีฟะห์
เมื่อคอลีฟะห์อุสมานถูกสังหาร บรรดามุสลิมต่างมีความเห็นแตกต่างกัน เกี่ยวกับผู้ที่จะดำรงตำแหน่งคอลีฟะห์หลังจากนี้ แต่ส่วนมากได้ให้สัตยาบันแก่ท่านอาลี เป็นคอลีฟะห์ โดยเป็นผู้อาศัยอยู่ในแคว้นหิญ้าซ ประเทศอิรัก อียิปต์ และคูรอซาน แต่ซ่อฮาบะห์ของท่านนบีมูฮำหมัด และผู้ที่อยูในตระกูลอุมัยยะห์ไม่ยอมให้สัตยาบันแก่ท่านอาลี ที่สำคัญได้แก่ ท่านฏอลฮะห์ อิบนุอุบัยดิลลาห์ ท่านสุเบร อิบนุเอาวาม ท่านมุอาวียะห์ อิบนิอบีซุฟยาน มุสลิมในประเทศชาม และท่านอัมรฺ อิบนุอาศ


อ่านบทความเพิ่มเติม คลิ๊ก ความคิดเห็น
Muslim Hot Report : คอลีฟะทั้ง 4

"คอลีฟะห์อบูบักร "

คอลีฟะห์อบูบักร

เชื้อสาย


ท่านอบูบักรมีชื่อจริงว่า อับดุลลอฮฺ ท่านเป็นบุตรของ อบูกุฮาฟะฮฺ ท่านได้รับฉายานามว่า “อัศศิดดิ๊ก” แปลว่า “ผู้ยืนยันถึงความจริง” สาเหตุที่ท่านได้รับฉายานามเช่นนี้ เนื่องจากว่า ท่านนบีมูฮำหมัด ได้เดินทางอิสรออฺจากมัสยิดหะรอมไปยังมัสยิดอักซอ ในยามค่ำคืนแล้วกลับมาในตอนใกล้รุ่งเช้า แล้วท่านได้เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้พวกกุเรชซึ่งเป็นกาฟิรฟัง พวกเขาไม่เชื่อ พวกเขาจึงเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ท่านอบูบักรฟัง แล้วถามว่าท่านเชื่อเหตุการณ์นี้หรือไม่ ท่านอบูบักรกล่าวว่า “เชื่อ” และเชื่อยิ่งกว่าเหตุการณ์นี้อีก เชื่อข่าวที่มูฮำหมัดนำมาจากฟากฟ้า ” ท่านจึงได้รับฉายานามว่า “อัศศิดดิ๊ก”

ท่านอบูบักรสืบเชื้อสายตระกูล ตะมีม เผ่ากุเรช ท่านเกิดในเมืองมักกะห์ หลังจากท่านนบีมูฮำหมัด 2 ปี ท่านเป็นเพื่อนร่วมอพยพของท่านนบีมูฮำหมัด จากเมืองมักกะห์ไปยังเมืองมะดีนะห์ และท่านเป็นที่ปรึกษาของท่านนบีในการบริหารกิจการของอาณาจักรอิสลาม ท่านได้เข้าร่วมทำสงครามกับท่านนบีทุกครั้ง และเป็นซอฮาบะห์เพียงไม่กี่คนที่ยืนหยัดต่อสู้ ในสงครามหุไนนฺ ขณะที่มีข่าวลือว่า ท่านนบีมูฮำหมัด เสียชีวิตแล้ว ท่านได้สละทรัพย์สินจำนวนมากเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในหนทางของอัลลอฮฺ และได้ซื้อทาสมุสลิม จำนวน 7 คน ปล่อยให้เป็นอิสระ ขณะที่พวกเขาถูกกุเรชทรมานอย่างแสนสาหัส เพื่อให้พวกเขาละทิ้งอิสลาม แล้วหันมาบูชารูปเจว็ดเช่นเดิม ในบรรดาทาสเหล่านี้ได้แก่ ท่านบิลาล อิบนุรอบาหฺ มุอัซซินของท่านนบีมูฮำหมัด ท่านเป็นผู้ที่มีความรู้ความเข้าใจในบัญญัติศาสนา มีความละเอียดอ่อนในการใช้ความคิด

ท่านอบูบักรได้รับการแต่งตั้งจากท่านนบีมูฮำหมัด ให้เป็นผู้นำบรรดามุสลิม เดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ในปี ฮ.ศ.9 และเป็นอิมามนำบรรดามุสลิมละหมาด ขณะที่ท่านนบีมูฮำหมัดป่วยหนัก

ระว่างที่บรรดามุสลิมทะสงครามยัรมูก ท่านอบูบักรได้ถึงแก่กรรมลง ท่านอุมัรอิบนุคอฏฏอบ ได้ดำรงตะแหน่งคอละฟะห์คนที่ 2 ท่านได้ส่งหนังสือไปแจ้งแก่ท่านคอลิด อิบนุวะลีด ซึ่งเป็นแม่ทัพของบรรดามุสลิม โดยปลดท่านออกจากตำแหน่ง และหท่านอบูอุบัยดะห์ อิบนุ ญิรรอห์ ดำรงตำแหน่งแทน ท่านคอลิดได้ปกปิดข่าวนี้ไว้ โดยเกรงว่าจะเกิดความระส่ำระส่ายขึ้นภายในกองทัพ ท่านคอลิดได้นำกำลังทหารมุสลิมทำการสู้รบจนกระทั่งประสบชัยชนะ ท่านจึงได้ประกาศการถึงแก่กรรมของท่านอบูบักรและการดำรงตะแหน่งคอลีฟะห์ของท่านอุมัร และได้มอบตำแหน่งแม่ทัพให้แก่ท่าน อบูอุบัยดะห์ อิบนุญิรรอห์

อบูบักรถึงแก่กรรมเดือนญามาดิ้ลอาคิร ฮ.ศ.13 ในเมืองมะดีนะห์ และถูกฝังอยู่เคียงข้างท่านนบีมูฮำหมัด โดยอายุได้ 63 ปี ดำรงตำแหน่งคอลีฟะห์ 2 ปี 3 เดือน


การดำรงตะแหน่งคอลีฟะห์

หลังจากท่านนบีมูฮำหมัด ถึงแก่กรรม ชาวมุฮาญีรีน (ผู้อพยพ) และชาวอันซอร (ผู้ช่วยเหลือ) มีความเห็นไม่ตรงกันเกี่ยวกับผู้ที่จะดำรงตำแหน่งผู้ปกครองรัฐอิสลามและชาวมุสลิมต่อจากท่านนบีมูฮำหมัด หลักการขั้นพื้นฐานของอิสลามนั้น จำเป็นที่บรรดามุสลิมจะต้องปรึกษาหารือกันในการดำรงกิจการของพวกเขา อัลเลาะห์ ทรงตรัสในซูเราะห์อัชชูรอ อายะห์ที่ 38 ว่า :



“และกิจการของพวกเขา คือการปรึกษากันระหว่างพวกเขา”

ชาวอันซอรจึงจัดการประชุมกัน ณ เพิงพักของตระกูลซาอิดะห์ โดยมีความประสงค์ให้คนหนึ่งในพวกเขาดำรงตำแหน่งคอลีฟะห์ ท่านอบูบักรจึงได้พูดแสดงเหตุผลแก่ชาวอันซอรพร้อมทั้งมีท่านอุมัร อิบนุคอฏอบ และท่านอบู อุบัยดะห์ ร่วมอยู่ด้วย ท่านได้กล่าวในตอนสุดท้ายว่า ท่านยินดีให้คนหนึ่งใน 1 คนนี้เป็นคอลีฟะห์ คือ ท่านอุมัร อิบนุคอฏฏอบ หรือ ท่านอบูอุบัยดะห์ ท่านอุมัรจึงกล่าวขึ้นว่า

“หามิได้ ท่านคือผู้เพื่อนร่วมอพยพของท่านนบี ท่านนบีได้ใช้ให้ท่านเป็นผู้นำละหมาด ขณะที่ท่านนบีป่วย ท่านจึงสมควรดำรงตำแหน่งคอลีฟะห์ ”

แล้วท่านอุมัร อิบนุคอฏฏอบ จึงได้ให้สัตยาบันแก่ท่านบูบักร แล้วท่านอบูอุบัยดะห์ และชาวอันซอรพร้อมกับชาวมุฮาญีรีนอื่นๆ ก็ได้ให้สัตยาบันกับท่านอบูบักร การให้สัตยาบันครั้งนี้เรียกว่า “การให้สัตยาบันเฉพาะ” แล้วท่านอบูบักรก็รับการให้สัตยาบันทั่วไป ณ มัสยิดของท่านนบี หลังจากนั้นท่านก็กล่าวคำปราศรัยกับประชาชนว่า

“ประชาชนทั้งหลาย ฉันได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้ปกครองของพวกท่าน ฉันก็มิได้ดีไปกว่าพวกท่าน ถ้าหากว่าฉันทำดี ท่านทั้งหลายจงให้การช่วยเหลือฉันเถิด ถ้าหากว่าฉันทำผิดพลาด ท่านทั้งหลายก็จงนำฉันสู่ทางที่เที่ยงตรงเถิด การพูดจริงเป็นความรับผิดชอบ การพูดเท็จเป็นการบิดพลิ้ว ผู้ที่อ่อนแอในพวกท่านคือผู้ที่แข็งแรงในสายตาฉัน จนกว่าฉันจะเอาสิทธิของเขากลับมาให้แก่เขา และผู้ที่แข็งแรง (ในพวกท่าน) คือผู้ที่อ่อนแอในสายตาของฉันจนกว่าจะเอาสิทธิ (ที่ถูกอธรรม) มาจากเขา –อินชาอัลเลาะห์ คนหนึ่งในพวกท่านอย่าทิ้งการญิฮาด เพราะว่าไม่มีกลุ่มชนใดละทิ้งการญิฮาด นอกจากอัลเลาะห์จะทรงทำให้เขาตกต่ำ ท่านทั้งหลายจงเชื่อฟังฉัน ในเมื่อฉันเชื่อฟังอัลเละห์และร่อซูลของพระองค์ และถ้าหากฉันฝ่าฝืนอัลเลาะห์ ท่านทั้งหลายก็ไม่ต้องเชื่อฟังฉัน”

บุคลิกของคอลีฟะห์อบูบักร

ท่านอบูบักรเป็นคนแรกที่เข้านับถืออิสลาม และท่านได้เชิญชวนซ่อฮาบะห์อีกจำนวนมากให้เข้านับถือศาสนาอิสลาม เช่น ท่านอุสมาน อิบนุอัฟฟาน ท่านซุเบร อิบนุเอาวาม ท่านฎอลฮะห์ อิบนุอุบัยดิลลาห์ และได้ซื้อทาส 7 คน ที่เข้านับถือศาสนาอิสลามแล้วปล่อยให้เป็นอิสระ ท่านอบูบักรมีรูปร่างผอมบาง ผิวขาว พูดจาฉะฉาน มีความสุภาพอ่อนโยน นอบน้อมถ่อมตน มีความเด็ดขาด หวงแหนในศาสนา ท่านยืนหยัดในความจริง โดยไม่หวาดกลัวสิ่งใด

อ่านบทความเพิ่มเติม คลิ๊ก ความคิดเห็น
Muslim Hot Report : ประวัติคอลีฟะทั้ง 4