วันอังคารที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2554

มุสลิมกับวันปีใหม่

มุสลิมกับวันปีใหม่

โดย อ.มุรีดทิมะเสน

วันที่ 31 ธันวาคมเป็นวันสิ้นปี ต่อเนื่องกับ วันที่ 1 มกราคม ซึ่งเป็นวันขึ้นปีใหม่ตามสากลนิยม ประชาชนทุกชาติทุกภาษาจะมีการเฉลิมฉลองในวันนี้

วันเสาร์ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2554

สิ่งที่ทำให้เสียศีลอด

by Muslim Hot Report

muslimhotreport.blogspot.com

สิ่งที่ทำให้เสียศีลอด แบ่งออกเป็น 2 ประเภท
1. เสียศีลอด และวาญิบ (จำเป็น) ต้องชดใช้
2. เสียศีลอด วาญิบต้องชดใช้ และต้องเสียกัฟฟาเราะฮฺ (ค่าปรับ) อีกด้วย

วันเสาร์ที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2554

เป้าหมายของการถือศีลอด

by Muslim Hot Report

muslimhotreport.blogspot.com

1.ทำให้เกิดการยำเกรงต่อพระองค์อัลลอฮฺ
     เป้าหมายที่พระองค์อัลลอฮฺทรงกำหนดเรื่องการถือศีลอดเป็นฟัรฺฎูสำหรับบ่าวของพระองค์นั้นคือ การทำให้บ่าวเกิดความยำเกรงต่อพระองค์ ไม่ว่าประชาชติใดก็ตามที่ถูกกำหนดในเรื่องการถือศีลอด ล้วนมีเป้าหมายหลักคือการทำให้เกิดความยำเกรงทั้งสิ้น พระองค์อัลลอฮฺทรงตรัสไว้ว่า

บทบัญญัติเกี่ยวกับการถือศีลอด

by muslim hot report

muslimhotreport.blogspot.com

ความหมายของคำว่า "การถือศีลอด" ภาษาอฺรับตรงกับคำว่า "อัศศิยาม" ซึ่งทางด้านภาษาหมายถึง การงดเว้น เฉกเช่นอัลกุรอานตรัสไว้ว่า

"แท้จริงฉันบนบานสงบนิ่งต่อพระผู้ทรงกรุณาปรานี" หมายถึง นางมัรฺยัมตั้งใจจะไม่พูดจาโดยเด็ดขาด

ส่วนทางด้านบทบัญญัติ หมายถึง การงดเว้นอารมณ์ ความต้องการของปาก และความต้องการทางเพศตลอดทั้งวันนับตั้งแต่แสงอรุณขึ้นจะกระทั่งดวงอาทิตย์ลับของฟ้า โดยมีเจตนาเพื่อใกล้ชิดพระองค์อัลลอฮฺ

วันเสาร์ที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2554

"ดุอาฮฺก่อนละศีลอด" สิ่งที่ส่งเสริมให้กระทำในการถือศีลอด

Muslim Hot Report.

ข้อมูลจากหนังสือ "ศีลอดอย่างนบี" โดยอาจารย์มุรีด ทิมะเสน

"ซะฮ่าบัซเซาะม่าอู้ วับตั้ลล่าติ้ลอุรูกู้ ว่าซ่าบ้าตัล อัจญ์รุอินชาอัลลอฮฺ"
ความว่า ความกระหายได้หมดไป เส้นเลือดได้รับความชุ่มฉ่ำ ผลบุญได้รับการตอบแทนแล้ว หากพระองค์ทรงประสงค์

วันพุธที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2554

แถลงการณ์โต้แอ๊ด คาราบาว

เรียบเรียงโดย Muslim Hot Report.

www.mureed.com

นิตยสารรายปัก Hamburger ซึ่งเป็นนิตยสารแนวทางเลือกใหม่สำหรับเสรีชน ที่ต้องการเปิดกว้างทางความคิด ในฉบับที่ 100 (ปักแรกของเดือนตุลาคม) ได้ทำการสัมภาษณ์แอ๊ด คาราบาว (ยืนยง โอภากุล) เกี่ยวกับเรื่องสถานการณ์การเมืองในปัจจุบันและชีวิตการทำเพลงของนายแอ๊ด

ข้อปฏิบัติในวันอีดทั้งสอง

เรียบเรียงโดย Muslim Hot Report.

โดย อ.มุรีด ทิมะเสน
www.mureed.com

ข้อปฏิบัติ (สุนนะฮฺ) ในวันอีดิลอัฎหา (อ่านว่า อัด-ฮา) และอีดิลฟิตริมีรายละเอียดดั่งต่อไปนี้

สิ่งคลาคเคลื่อนในเดือนเราะมะฎอน

เรียบเรียงโดย Muslum Hot Report.

โดย อ.มุรีด ทิมะเสน
www.mureed.com


ครั้นพอถึงเดือนเราะมะฎอน มุสลิมต่างพากันเข้าสู่แสวงหาความโปรดปรานจากพระองค์อัลลอฮฺกันอย่างทั่วหน้า  โดยเฉพาะอย่างยิ่งสิ่งใดที่ปฏิบัติแล้วได้ผลบุญมากๆ ก็ได้รับการตอบรับอย่างเป็นพิเศษ จากนั้นก็จะปฏิบัติในสิ่งนั้นอย่างทันทีทันใดเนื่องจากหวังผลบุญที่มากมายดังกล่าวนั่นเอง    

วันอังคารที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2554

(คำแปลคัมภีร์อัล-กุรอาน บทอัน-นิซาอฺ โองการที่ 163)

เรียบเรียงโดย Muslim Hot Report.



“แท้จริงเราได้มีโองการให้แก่เจ้า(มุฮัมมัด) เช่นเดียวกับที่เราได้มีโองการแก่นูฮฺ(โนอาห์) และบรรดานบีหลังจากเขา และเราได้มีโองการให้แก่อิบรอฮีม(อับราฮาม) และอิสมาอีล(อิชมาเอล) และอิสหาก(ไอแซค) และยะอฺกูบ(ยาโคบ) และอัล-อัสบาฏ(ยิว 12 เผ่า) และอีซา(เยซู) และยูนุส(โยนาห์) และฮารูน(อาโรน) และสุลัยมาน(โซโลมอน) และเราได้ให้ซะบูรแก่ดาวูด(เดวิด)”
(คำแปลคัมภีร์อัล-กุรอาน บทอัน-นิซาอฺ โองการที่ 163)

(คำแปลคัมภีร์อัล-กุรอาน บทอัลวากิอะฮฺ โองการที่ 58)

เรียบเรียงโดย Muslim Hot Report.


“พวกเจ้าเห็น(อสุจิ)ที่พวกเจ้าหลั่งออกมาแล้วไม่ใช่หรือ? พวกเจ้าสร้างมันขึ้นมาหรือเราเป็นผู้สร้าง?”
(คำแปลคัมภีร์อัล-กุรอาน บทอัลวากิอะฮฺ โองการที่ 58)

(คำแปลคัมภีร์อัล-กุรอาน บทอัลอัมบิยาอฺ โองการที่ 30)

เรียบเรียงโดย Muslim Hot Report.



“และบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาเหล่านั้นไม่เห็นดอกหรือว่า แท้จริงชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินนั้น แต่ก่อนนี้เคยรวมติดเป็นก้อนเดียวกัน แล้วเราได้แยกมันทั้งสองออกจากกัน และเราได้ทำให้ทุกสิ่งมีชีวิตมาจากน้ำ ดังนั้นพวกเขายังไม่ศรัทธาอีกหรือ”
(คำแปลคัมภีร์อัล-กุรอาน บทอัลอัมบิยาอฺ โองการที่ 30)

ทำไมต้องเป็นมุสลิม?

เรียบเรียงโดย Muslim Hot Report.

เนื้อหาจากเว็บไซต์ www.mureed.com


ไม่มีการบังคับครับ แต่มุสลิมเรามีหน้าที่ประกาศสัจธรรมให้คุณทราบ ให้คุณได้เลือกทางเดินเองว่าจะเลือกเชื่อแบบไหน?
->จะเชื่อว่าโลกนี้เกิดมาโดยบังเอิญ ไม่มีพระเจ้า มนุษย์ก็ไม่มีวิญญาณ เป็นแค่สสารมีชีวิต ตายแล้วตายเลย ไม่มีนรกสวรรค์

อัลลอฮฺคือใคร?

เรียบเรียงโดย Muslim Hot Report.

เนื้อหาจากเว็บไซต์ www.mureed.com

คนไทยจำนวนมากเข้าใจดังนี้ว่า คนพุทธนับถือพระพุทธเจ้า คนคริสต์นับถือพระเยซู ส่วนมุสลิมนับถืออัลลอฮฺ ฉะนั้นในเมื่อพระพุทธเจ้าคือศาสดา(เป็นมนุษย์) พระเยซูก็คือศาสดา(ก็เป็นมนุษย์) ดังนั้นอิสลามนับถืออัลลอฮฺ ก็คงจะเป็นศาสดาล่ะมั้ง? ..

ทำไมต้องกราบกะบะฮฺ?

เรียบเรียงโดย Muslim Hot Report.

ขอบคุณข้อมูลจากเว็บไซต์ www.mureed.com

ชาวต่างศาสนิกเองมีความสับสนก่อนที่จะถามคำถามนี้ ในเรื่องของหินดำกับกะบะฮฺ เพราะเขาได้ยินทั้งคำว่า “หินดำ” ได้ยินทั้งคำว่า “กะบะฮฺ” แล้วก็คิดว่ามันเป็นอันเดียวกัน ดังนั้นบางคนจึงตั้งคำถามว่ามุสลิมไม่เคารพรูปปั้นแต่ทำไมดันกราบหินดำ? ในขณะที่บางคนถามว่าทำไมต้องกราบกะบะฮฺ? แต่จริงๆแล้วมันคนละอันกันครับ

ทำไมต้องถือศีลอด?

เรียบเรียงโดย Muslim Hot Report.

ขอบคุณข้อมูลจากเว็บไซต์ www.mureed.com

มนุษย์มีความแตกต่างจากสัตว์ก็ตรงนี้แหละครับ เมื่อสัตว์มันหิวมันก็กิน เมื่อมันง่วงมันก็นอน เมื่อมีอารมณ์ทางเพศมันก็ผสมพันธุ์ แต่มนุษย์เราใช่ว่าจะกินได้เมื่อหิว จะทำอะไรทำเมื่ออยาก เพราะมันต้องดูด้วยว่าทำได้หรือไม่? ถูกหรือผิด? การถือศีลอดจึงเป็นการฝึกหักห้ามใจ

ทำไมต้องละหมาด?

เรียบเรียงโดย Muslim Hot Report.

ขอบคุณเนื้อหาจากเว็บไซต์ www.mureed.com

การละหมาดเป็นบัญญัติที่พระเจ้าได้สั่งให้ผู้ศรัทธาทุกๆยุค กระทำ(ไม่ว่าจะศาสดาท่านไหนๆก็ตาม) เพื่อแสดงความเคารพรักภักดีต่อพระองค์ โดยที่ผู้ศรัทธาห้ามไปแสดงความเคารพรักภักดีต่อวัตถุ หรือมนุษย์หน้าไหน เพราะสิ่งเหล่านั้นไม่ได้สร้างมนุษย์ ไม่ได้เป็นผู้ให้ชีวิตและปัจจัยยังชีพแก่มนุษย์ หากแต่มนุษย์เราต่างก็นำสิ่งที่มีอยู่ในธรรมชาติที่พระเจ้าสร้างมาใช้ประโยชน์ทั้งสิ้น แม้กระทั่งพ่อแม่ของเราเองก็ไม่ได้เป็นผู้สร้างอสุจิ ไม่ได้เป็นผู้สร้างมดลูก ไม่ได้เป็นผู้สร้างกระบวนการตกไข่ ไม่ได้เป็นผู้สร้างกลไกการปฏิสนธิ หากแต่กลไกทางธรรมชาติเหล่านี้ถูกสร้างมาโดยพระผู้เป็นเจ้าผู้ซึ่งอภิบาลสรรพสิ่งทั้งปวง

ทำไมต้องขลิบ?

เรียบเรียงโดย Muslim Hot Report.

ขอบคุณข้อมูลจากเว็บไซต์ www.mureed.com

ในยุคปัจจุบันเรื่องการขลิบเป็นข้อเท็จจริงซึ่งเป็นที่ยอมรับในทางการแพทย์ว่า เป็นการรักษาความสะอาดของอวัยวะเพศและป้องกันการเกิดกามโรค เพราะเชื้อโรคและสิ่งสกปรกหมักหมมทั้งหมดจะเกาะตัวอยู่ในบริเวณหนังห่อหุ้มของอวัยวะเพศซึ่งทำความสะอาดได้ยาก และหนังส่วนนั้นก็จะไม่มีประโยชน์ใดๆเลยเมื่อมนุษย์เติบโตขึ้นมา ดังนั้นการแพทย์จึงสนับสนุนให้มีการขลิบ และในประเทศอเมริกานั้นถือเป็นธรรมเนียมหรือค่านิยมโดยทั่วไปคือการให้มีการขลิบตั้งแต่แรกเกิด

ทำไมมุสลิมมีภรรยาได้ 4 คน?

เรียบเรียงโดย Muslim Hot Report.

ข้อมูลจากเว็บไซต์ www.mureed.com

ถ้าใครบอกว่าศาสนาอิสลาม เป็นศาสนาที่อนุญาตมีภรรยาได้เยอะที่สุด ผมก็จะขอเถียงว่าอิสลามเป็นศาสนาที่อนุญาตให้มีภรรยาได้น้อยที่สุดต่างหากล่ะครับ! งงใช่ไหมล่ะครับ? ยังไม่พอแค่นั้นครับ ผมจะให้คุณงงเพิ่มเข้าไปอีก.. เนื่องจากสังคมปัจจุบันมองว่าอิสลามเป็นศาสนาที่กดขี่สตรีเพศ ผมก็จะขอเถียงว่าอิสลามเป็นศาสนาที่ยกฐานะของสตรีต่างหากล่ะครับ! งงว่าทำไมมันถึงกลับตะละปัดอย่างนี้ใช่ไหมครับ? สาเหตุที่คุณงงก็เพราะคุณไม่เคยดูคัมภีร์หรือบัญญัติศาสนาของคุณเลย ส่วนอีกประการคือคุณไม่เคยใคร่ครวญถึงอดีตเลย นอกจากมีประวัติศาสตร์ไว้เป็นเพียงตำนานเล่าขานหรือไว้เรียนเพื่อให้สอบผ่านก็เท่านั้น

ทำไมมุสลิมไม่กินหมู ?

เรียบเรียงโดย Muslim Hot Report.

ข้อมูลจาก เว็บไซต์ www.mureed.com


ใครที่ถามแบบนี้ถือว่าเป็นการตั้งคำถามที่ถูกต้องครับ เพราะมุสลิมไม่กินหมู แต่ถ้าใครถามว่า “ทำไมมุสลิมกลัวหมู?” แบบนี้ถือว่าตั้งคำถามผิดนะครับ เพราะมุสลิมไม่ได้กลัวหมู แต่คนไทยเรา (โดยเฉพาะไทยพุทธ) มักเข้าใจผิดๆโดยไปจดจำมาจากหนังตลกว่ามุสลิมกลัวหมู และต้องวิ่งหนีหัวซุกหัวซุนเมื่อเห็นหมู!

กรณีชาวพุทธบางท่านบิดเบือนอิสลาม

เรียบเรียงโดย Muslim Hot Report.

บทความที่บิดเบือนนี้ มาจากหนังสือ "เหตุเกิดหลังพุทธปรินิพพาน" พิมพ์ครั้งที่ 1 ,พ.ค.2548
ผู้เขียน : นวองคุลี
ที่อยู่ : วัดสุวรรณประสิทธิ์ คลองกุ่ม บึงกุ่ม กรุงเทพฯ โทร.027345732
พิมพ์ที่ : ธรรมสภา โรงพิมพ์พระพุทธศาสนา กรุงเทพฯ

ทำไมอัฟกานิสถานต้องทำลายพระพุทธรูป ?

เรียบเรียงโดย Muslim Hot Report.

โดย มุฮาญีรีน

จากข่าวการทำลายพระพุทธรูปเก่าแก่ในประเทศอัฟกานิสถาน ทำให้พุทธศาสนิกชนเกิดความไม่พอใจเป็นอย่างมาก ชาวตะวันตกทราบข้อนี้ดีว่าถ้าเขาสร้างกระแสข่าวนี้ให้ดัง ก็จะทำให้เกิดแนวร่วมในการต่อต้านอิสลามอีกหนึ่งกลุ่มคือชาวพุทธ! และไม่เป็นการวิเคราะห์ที่ผิดพลาดแต่อย่างใด เพราะหลักจาก

วันอังคารที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ทำไมในอิสลามผู้ชายได้รับอนุญาติให้มีภรรยามากกว่า 1 คน?

เรียบเรียงโดย Muslim Hot Report.

ขอบคุณข้อมูล
: www.mureed.com
: www.irf.net/irf/faqonislam/index.htm


คัมภีร์อัลกรุอานเป็นคัมภีร์เล่มเดียวเท่านั้นในบรรดาคัมภีร์ของศาสนาทั้งหลายในโลกนี้ ที่มีข้อความที่ว่า 
“ จงแต่งงานกับสตรีเพียงแค่คนเดียวเท่านั้น

ทำไมมุสลิมจึงร่วมพิธีกรรมไหว้ครูไม่ได้

เรียบเรียงโดย muslim Hot Report

ขอบคุณข้อมูลจาก "หนังสือทำไมมุสลิมจึงทำไม่ได้"
ของ อ.มุรีด ทิมะเสน


ทำไมมุสลิมจึงร่วมพิธีกรรมไหว้ครูไม่ได้ 
คัดลอกจากหนังสือ “ ทำไมมุสลิมจึงทำไม่ได้ 
ของ อ.มุรีด ทิมะเสน

วันพฤหัสบดีที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

"ดีเจเอฟ" ดูหมิ่นศาสนาอิสลาม

Present by Muslim Hot Report.

ถอดคำพูดโดย
มั่นใจคนไทยทุกศาสนา ไม่พอใจ "ดีเจเอฟ" ดูหมิ่นศาสนาอิสลาม



แกะทุกคำพูดสื่อไร้จรรณยาบรรณ "ดีเจเอฟดูหมิ่นอิสลาม" (ฉบับเต็ม )
~เปิดเทปอะไรสักอย่าง ฟังไม่ชัดเจนครับ~

ตกลงสำนึก หรือ ว่ากลัวอันตรายที่จะมาถึงตัว

Present by Muslim Hot Report.



เรื่องศาสนา และ ความเชื่อ เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ศาสนาเราๆ ก็ว่าของเราดี ศาสนาคุณๆ ก็ว่าของคุณดี เพราะฉนั้น "ล่ากุมดีนุกุมวะดีย่าดีน" ความเชื่อของศาสนาคุณๆ ก็ทำไป ส่วนเรื่องศาสนาของเราๆ ก็ทำของเรา อย่าได้ล่วงล้ำและก้าวก่ายซึ่งกันและกัน

วันจันทร์ที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

Why Islamic encroachment.

The Islamic world is a world of subtlety.Cared for and taught to follow the guidance in every Stories about life on Earth reliefmedicines.


Think you can learn about Islam, how?


Or you do not care?


and  R. Keith, you knock off the world will God answer that?






Present by Muslim Hot Report.

ความนิยมที่ได้รับจากมุสลิม

เว็บไซต์ Muslim Hot Report หนึ่งในเว็บไซต์ที่ให้ความรู้เกี่ยวกับศาสนาในอิสลาม ความรู้ที่คุณต้องเรียนรู้เกี่ยวกับหนทางความศรัทธาที่คุณเลือก




muslim hot report

วันเสาร์ที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2554

คำฟัตวาของเชคมุนัจญิดเรื่องงานเมาลิดนบี

คำถาม :
ทำไมบางคนยอมรับงานเฉลิมฉลองสำหรับท่านนบี ส่วนบางคนไม่ยอมรับ? ท่านมีทัศนะอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องนี้?

คำตอบ :
อัลฮัมดุลิลลาฮฺ
ในพระมหาคัมภีร์อัลกุรอานไม่มีข้อความใดระบุไว้ว่าสมควรที่จะมีการจัดงานเมาลิดหรือการเฉลิมฉลองวันที่ท่านรสูล(ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม)เกิด ซึ่งในสมัยของท่านเองท่านก็ไม่ได้กระทำเอาไว้เป็นแบบอย่างหรือแม้กระทั่งสั่งให้ผู้หนึ่งผู้ใดกระทำทั้งในช่วงก่อนหรือหลังที่ท่านอยู่บนโลกนี้ แท้ที่จริงแล้วท่านยังได้บอกพวกเราว่าอย่าได้ทำการใดๆหรือยกย่องท่านให้ใหญ่โตไปกว่าสถานะของท่านดั่งเช่นที่ชาวคริสต์ได้ทำไว้กับท่านนบีอีซา(อะลัยฮิสลาม)  ท่านกล่าวว่า พวกท่านจงอย่ายกย่องสรรเสริญฉันเกินความเป็นจริง อย่างที่ชาวคริสต์ยกย่องบุตรของมัรฺยัม เพราะฉันเป็นเพียงบ่าวเท่านั้น ดังนั้นจงใช้คำว่า บ่าวของอัลลอฮฺ และรสูลของพระองค์’” (บันทึกโดยบุคอรีย์)  และเท่าที่มีหลักฐานนั้นพบท่านรสูล(ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะสัลลัม) ได้ทำให้วันเกิดของท่านนั้นเป็นวันแห่งการอิบาดะฮฺต่ออัลลอฮฺ ไม่ใช่ทำให้เป็นวันเฉลิมฉลอง ท่านได้สั่งให้มีการถือศีลอดในวันจันทร์ดังที่ในหะดีษกล่าวว่า วันนี้เป็นวันที่ฉันเกิด และเป็นวันที่ฉันได้รับมอบหมายให้เป็นผู้เผยแผ่ คือได้รับวะฮีย์ครั้งแรก (บันทึกโดยมุสลิม, อัน-นิสาอีย์ และอบูดาวูด)

ยิ่งไปกว่านั้น เราต่างก็รู้กันว่าบรรดาเศาะหาบะฮฺ(รอฎิยัลลอฮุอันฮุม)นั้นเป็นผู้ที่รักท่านรสูลที่สุด ดังนั้นมีหลักฐานบ้างไหมว่าท่านอบูบักรฺซึ่งเป็นผู้ที่ใกล้ชิดและรักท่านรสูลที่สุดผู้หนึ่งได้กระทำการจัดงานเฉลิมฉลองวันเกิดให้ท่านรสูล(ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม)? มีหลักฐานบ้างไหมว่าท่านอุมัรฺ ผู้ซึ่งปกครองอาณาจักรอยู่ 12 ปี และท่านอุษมานได้กระทำ? มีหลักฐานบ้างไหมว่าท่านอะลีย์ซึ่งเป็นญาติและเป็นคนที่ท่านรสูลเลี้ยงดูมาแต่เด็กได้กระทำ? มีหลักฐานบ้างไหมว่ามีเศาะหาบะฮฺสักท่านได้กระทำ? ไม่มีเลย สาบานต่ออัลลอฮฺมันเป็นเพราะว่าพวกเขาเหล่านั้นไม่เห็นถึงความสำคัญของมัน หรือเพราะว่าพวกเขาเหล่านั้นไม่รักท่านรสูล(ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม)จริงกระนั้นหรือ?  แน่นอนว่าไม่มีใครกล้ากล่าวเช่นนั้นนอกจากผู้ที่หลงทางและได้ชักนำผู้อื่นให้หลงทางไปด้วยเท่านั้น

วันอาทิตย์ที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2554

หลักการปฏิบัติของศาสนาไหน "ศาสนานั้นก็ปฏิบัติตามไป" อย่าได้เอามารวมกัน

ไม่มีพระเจ้าอื่นใด ที่ถูกกราบไหว้โดยแท้จริงนอกจากอัลลอฮฺ (ซ.บ)
แล้วคุณล่ะศรัทธาในประโยคที่คุณกล่าวตอนเข้ารับอิสลามมากน้อยแค่ไหนแล้ว
หรือว่าแค่ทำไปเพื่ออวดรู้แก่คนในสังคมแค่นั้นเองอย่างนั้นหรือ (น่าเศร้าว่ะ)

ณ ปัจจุบันสังคมมีการเปิดกว้างมากกว่าแต่ก่อน สิ่งที่คนในสมัยก่อนไม่เคยยอมให้เกิดขึ้นในสังคมแต่ก่อน พอมาถึงยุคปัจจุบันนี้เกือบทุกกลุ่มคนในสังคมต่างก็ให้การยอมรับเรื่องที่ไม่สมควรบังเกิดขึ้นในสังคมกันสิ้น เพราะเหตุใด? สาเหตุที่แท้จริงของการยอมรับมันมาจากไหน? หรือว่ากลุ่มคนต่างๆ ในสังคม ณ ปัจจุบันมีความเสื่อมทรามทางด้านความนึกคิด ทางด้านจิตใจ การกระทำรวมถึงอาจจะเกี่ยวข้องกับความอ่อนแอทางด้านศาสนาที่แต่ละกลุ่มคนยึดถือปฏิบัตินั้นมันเริ่มถดถอย เริ่มมองกันว่าเป็นเรื่องแปลกประหลาดหรือป่าว หรือว่าได้เปลี่ยนแนวทางการมองศาสนาของตนเองไปเป็นแนวทางอื่นกันแล้ว หรือว่าได้มองว่าคนเป็นคนใช้ศาสนาไม่ใช่ศาสนาเป็นสิ่งที่ใช้เป็นสิ่งที่ควบคุมเรา

หากสาเหตุการเสื่อมทราม การถดถอยเกี่ยวกับความศรัทธาในศาสนาของแต่ละบุคคลที่แต่ละบุคคลได้เลือกยึดถือ เกิดจากความคิดใหม่ๆ ที่คิดว่า "คน" เป็นผู้ที่ใช้ศาสนา เป็นผู้ที่เลือกใช้เลือกปฏิบัติตามหลักปฏิบัติของแต่ละศาสนาแล้วล่ะก็....  น่าเสียใจเหลือ น่าเสียใจและน่าสงสารกับสังคม ณ ปัจจุบันนี้อย่างสุดซึ้ง เพราะ นั่นหมายความว่า ต่อจากนี้และต่อไปจนกว่าจะถึงวันสิ้นโลก ทุกคนเตรียมความพร้อมกันได้เลยว่าจะไม่มีความสงบสุขเหมือนดั่งอดีตที่ผ่านมานั้นคงไม่มีวันเกิดขึ้นอีกแล้ว และที่สำคัญก็คงต้องยอมรับกันนะครับว่า ภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้น ณ ปัจจุบันถ้าเทียบกับอนาคตที่จะเกิดขึ้นนั้น มันเล็กน้อยเหลือเกิน (พวกเราจะได้เจอ ได้เผชิญกับภัยธรรมชาติที่รุนแรงกว่านี้อีกหลายหมื่นเท่าเลยทีเดียว)


วันอังคารที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2554

"เทอรี่ โจนส์" บาทหลวงเลว..การกระทำเยี่ยงหมา

โจนส์ได้ตอบโต้แถลงการณ์ของ Petraeus ในการให้สัมภาษณ์ CNN ว่า "ทางที่ดีท่านนายพลควรจะชี้นิ้วสั่งพวกอิสลามหัวรุนแรงเหล่านั้นให้หุบปาก มากกว่า และบอกพวกเขาว่า สหรัฐจะไม่มีวันคุกเข่า หรืออ่อนข้อให้
โจนส์ ยังกล่าวว่า เขาเพียงแต่จะเผาคัมภีร์ ไม่ได้จะฆ่า หรือฆาตกรรมใคร" 


และนี่คือคำพูดเยี่ยงหมา ของบาทหลวงที่มีหัวใจหยาบกระด้าง ก้าวร้าวเป็นภัยต่อสังคมมากกว่าบุคคลที่เขากล่าวอ้างถึงซะอีก
ทำไม? ต้องรวมมุสลิมทุกคน
ทำไม? ต้องมาทำลาย มาเหยียดหยามของที่เป็นส่วนรวม โกรธคนไหน เกียรติคนไหน ก็เล่นงานคนๆ นั้น ไม่ใช่ว่ามาเหมารวมอย่างนี้ อิสลามเคยเหมารวมว่าพวกท่านไม่ดีอย่างนั้นรึ
ทำไม? ต้องแสดงออกถึงการรังเกียจ ในเมื่ออิสลามไม่เคยรังเกียจพวกท่าน

...คำตอบที่ชัดเจนที่สุด คือ พวกท่านนั่นแหละ ไอ้พวกอันตพาน

รัฐธรรมนูญที่ไม่เคยล้าสมัย "พระดำรัสแห่งพระผู้เป็นเจ้า"

วันจันทร์ที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2554

"อิสลามไม่เคยให้ร้ายใคร" แต่ทำไมต้องทำอย่างนี้ ..ชั่วร้ายที่สุด ไอ้พวกชิงหมามาเกิด.

ยิ่งขุดยิ่งเจอ บริษัท Keds ผลิตรองเท้าในสหรัฐ พฤติกรรมน่ารังเกียจ (พฤติกรรมเยี่ยงหมา) 


           บริษัทรองเท้าผ้าใบ Keds ในสหรัฐ ผลิตรองเท้าผ้าใบรุ่นใหม่ ที่พิมพ์ข้อความชาฮะดะฮฺ (การปฏิญาณตนของมุสลิม) ลงบนรองเท้า
        “لا اله الا الله”  “محمد رسول الله”

อย่างที่เคยกล่าว "อิสลามไม่เคยใส่ร้ายป้ายสี ให้ร้ายใคร(ศาสนาอื่น) แต่ทำไม? ทำไมคนอื่นต้องมาให้ร้ายกันอย่างนี้"
ภาพรองเท้า : ที่บริษัทฯ เหี้ยๆ ดังกล่าวได้ผลิตออกมา
เห็นแล้วยังครับ?
แจ้งแล้วยังครับ?
เจ็บหรือป่าวครับ? ที่โดนทำกันอย่างนี้ ที่เค้าได้นำเอาความเชื่อของเราไปทำเยี่ยงนี้

หรือว่าคุณไม่ได้รู้สึกอะไรเลย?
หรือว่าคุณแค่รู้สึกว่าเฉย?
หรือว่าคุณคิดว่า นี่ก็แค่ศิลปะ?
...ถ้าคุณคิดแค่นั้น น่าเสียใจเหลือเกิน อิหม่านของคุณไม่เพียงพอกับความเมตตา ความกรุณาที่อัลลอฮฺได้มอบให้คุณเลย ....ไม่เพียงพอเลยที่คุณจะได้ความดีความชอบจากพระองค์ผู้ทรงให้อย่างมหาศาลแก่ชาวโลกทั้งหลาย แต่คุณกลับไม่ได้ทำสิ่งใด แม้แต่อย่างเดียวเพื่อพระองค์เพื่อศาสนาของพระองค์เลยแม้แต่น้อย

หากคุณคือ อิสลาม.
หากคุณเห็นภาพดังกล่าวแล้วรู้สึกเจ็บใจจากการกระทำดังกล่าว สมควรนะครับ สมควรที่ควรจะทำบางสิ่งบางอย่าง สมควรที่ทำเพื่ออัลลอฮฺ เพื่อศาสนาของพระองค์บ้าง. เพราะการกระทำดังกล่าวนั้นจะให้รับได้นั้นมันยากเหลือเกิน ยากมากนะครับขอบอก



present by muslimhotreport.

วันเสาร์ที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2554

"ไม่ให้หญิงมุสลิมคลุมศรีษะ" เพื่อแบบฟอร์มเดียวกันของบริษัท หรือ สนองตันหาและกามรมณ์ของตน(ผู้ชายผู้บริหาร) กันแน่

ณ ปัจจุบัน มีการอ้างกันต่างๆ นานาเกี่ยวกับเรื่องการห้ามผู้หญิงมุสลิม ไม่ให้แต่งกายตามกฎบัญญัติของศาสนาอิสลาม (เรื่องการห้ามไม่ให้คลุมศรีษะ รวมถึงการไม่ค่อยให้การยอมรับเกี่ยวกับการแต่งกายมิดชิด) อะไรคือต้นเหตุ อะไรคือปลายเหตุของการห้าม


เหตุผลว่าทำไมถึงต้องห้าม...คือ ..เหตุผลยอดฮิตที่สุดที่จะได้รับจากผู้บริหารหื่น มุ่งแต่เรื่องกามอารมณ์นั่นก็คือ "เพื่อให้เป็นแบบฟอร์มเดียวกันกับคนอื่น เพื่อให้เกิดความแตกต่างและแตกแยก"


และสิ่งที่ครหานินทากลับมานั่นก็คือ "การที่บังคับให้ผู้หญิงมุสลิมคลุมศรีษะนั้นเป็นการละเมิดทางเพศ" ..ช่างพูดได้เหลือเกินนะพวกงี่เง้า....
-ทำไมถึงคิดกันเช่นนั้น?
-ทำไมต้องมาละเมิดสิทธิ์ในความเชื่อของศาสนาอิสลาม? ในเมื่อศาสนาอิสลามเราไม่เคยเข้าไปละเมิดสิทธิ์ในความเชื่อของศาสนาอื่น อีกทั้งเรายังขอแยกการปฏิบัติว่าของศาสนาอื่นเค้าก็ปฏิบัติกันไปตามศาสนาของเค้า ส่วนเราๆ ก็ปฏิบัติของเราไป
-ทำไมต้องสงสัยในความเชื่อของอิสลาม? ในเมื่ออิสลามไม่เคยสงสัยความเชื่อของศาสนาอื่น

สำหรับประเทศไทย..รัฐบาลหรือหน่วยงานทางภาครัฐไม่เคยมีกฎหมายเกี่ยวกับการห้ามดังกล่าว แต่ก็ยังมีบางสถานที่ที่เป็นหน่วยงานของรัฐบาลที่สั่งห้ามไม่ให้บุคลากรในหน่วยงานแต่งตัวตามแบบแผนของศาสนาอิสลาม เช่น วิทยาลัยเทคนิคบางแห่งของภาคใต้ตอนบน(เกิดจากความเป็นจริงผู้ที่เกี่ยวขอความกรุณาตรวจสอบด้วยนะครับ)

คำถาม?
ว่าทำไมต้องห้าม?
เหตุผลที่ห้ามดีพอแล้วหรือยัง?
คุณห้ามเพราะตันหา หรือ กามอารมณ์ของผู้บริหารหรือป่าว?
สิ่งที่คุณชอบและโปรดปรานคือการแต่งกายโชว์อวัยวะเพศอย่างนั้นหรือ?
แล้วปัญหาอาชญากรรมที่เกิดขึ้น ที่เกี่ยวกับการละเมิดทางเพศที่คุณต้องการแก้ไขอยู่ คุณยังใฝ่ฝันอยู่ใช่หรือไม่?


ถ้าคุณยังมีวัฒนธรรมการอยากเห็นผู้หญิงแต่งกายสวยงาม เปิดส่วนเว้าส่วนโว้ง ส่วนที่ดึงดูดความต้องการทางเพศอยู่ พวกคุณๆ ที่อวดตัวเองว่าฉลาดเป็นคนมีความรู้ความสามารถ..อย่าหวังเลยว่าปัญหาทางสังคมด้านอาชญากรรมเกี่ยวกับการละเมิดทางเพศจะหมดไป

ด้วยเหตุดังกล่าว...นั่นแหละที่ อิสลามต้องสั่งให้ผู้หญิงคุมศรีษะ แต่งกายมิดชิด เพราะหลักการของอิสลามได้คำนึงเห็นถึงการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นตรงต้นเหตุของปัญหาเรียบร้อยแล้ว ไม่ใช่ว่าเกิดเหตุแต่ละครั้ง แต่ละอย่างก็มัวแต่จะตามแก้ไขปัญหากันตรงที่ปลายเหตุ แล้วเมื่อไหร่ล่ะครับ? ปัญหาที่เราต้องการแก้ไขมันจะหมดไปในเมื่อเราเองยังสนับสนุนให้ผู้ที่ทำผิดได้กระทำกันต่อไป ยังเปิดโอกาสหรือช่องทางที่จะให้คนทำผิดสามารถเดินทางเข้าไปได้ มันไม่ต่างอะไรกับการที่เราตำน้ำพริกละลายมหาสมุทรหรอกครับ (ถ้ากระทำกันในเรื่องของการแก้ไขปัญหากันเหมือนกับที่ทำอยู่ในปัจจุบันนี้อย่าทำดีกว่าครับ...เพราะ..มันไร้ประประโยชน์)


สำหรับ หญิงมุสลิมเอง ก็ใช่ว่าจะไม่พูดถึง...
เคยบ้างไหม..ที่จะคิดรณรงค์ให้เพื่อนกลุ่มสตรีด้วยกันหันมาคลุมศรีษะ?

เคยบ้างไหม..ที่จะคิดรณรงค์ให้เพื่อนกลุ่มสตรีด้วยกันหันมาแต่งกายมิดชิด?
เคยบ้างไหม..ที่จะคิดออกเสียง ขอสิทธิ์ความเป็นธรรมจากเจ้านายหรือสังคมในการที่จะแต่งกายให้ถูกต้องตามหลักศาสนา ตามบทบัญญัติของศาสนาที่พระองค์อัลลฮฺ (ซ.บ.) ได้ทรงลงมาให้พวกท่านได้ปฏิบัติตาม?

แล้วคุณล่ะวันนี้ได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติของศาสนาแล้วหรือยัง?
ได้ตักวาต่ออัลลอฮฺ (ซ.บ.) แล้วหรือยัง?
ได้ให้ความสนใจที่จะศึกษาเกี่ยวกับศาสนาอิสลามอันเป็นแนวทางที่คุณเลือกที่จะอยู่ คุณเลือกที่จะศรัทธา คุณเลือกที่จะปฏิบัติในร่องในรอยของอัลอิสลามของอัลลอฮฺ (ซ.บ.) แล้วหรือยัง?
และที่สำคัญ คือ คุณได้ทำเพื่อศาสนาของอัลลอฮฺบ้างหรือยัง?

ถ้าคุณยังไม่ได้ทำ..และคุณก็ยังมีความต้องการที่ตั้งใจจริง ที่แน่วแน่ที่จะอยู่กับแนวทางที่อัลลอฮฺให้การรับรอง มันถึงเวลาแล้วนะครับที่คุณต้องหันมาทางแห่งความจริง ทางที่คุณควรกระทำตาม ก่อนที่คุณจะไม่มีโอกาสได้ทำอีกต่อไป

ขอพระองค์อัลลอฮฺได้คุ้มครองกลุ่มคนที่ศรัทธาด้วยเถิด


ยากไหมครับที่จะแต่งแบบนี้ (สิ่งที่ยากกว่านั่นก็คือ การทำจิตใจให้สะอาดเหมือนการแต่งกายมากกว่านะครับ)



present by muslimhotreport.
http://muslimhotreport.blogspot.com/

วันเสาร์ที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2554

"มากกว่าผ้าคลุมผม" ฝากไว้ให้คิด

-สำหรับเพื่อนมุสลิม-
                เราหวังว่าหนังสือเล่มนี้คงช่วยสร้างความกระจ่างแก่มุสลิมะฮฺในเรื่องความหมายของการคลุมฮิญาบตามบัญชาของอัลลอฮฺมากขึ้นขอฝากไว้ว่าโทษของมุสลิมะฮฺที่แต่งกายไม่เรียบร้อยออกนอกบ้านนั้น คำนวณจากเวลาที่ออกนอกบ้าน จำนวนคนที่มอง รวมถึงคนที่มองแล้วเกิดฟิตนะฮฺ (ความวุ่นวายปั่นป่วน) ด้วยแล้ว โทษก็จะยิ่งมากขึ้น ผู้ชายที่มองก็รับความผิดส่วนหนึ่ง แต่ต้นเหตุเริ่มจากมุสลิมะฮฺคนนั้นต้องรับความผิดด้วย
                มีหะดีษของท่านนบีมุฮัมมัด
[ขอความสันติและความจำเริญจากอัลลอฮฺจงประสบแด่ท่าน] ว่า “ชัยฎอนจะอยู่กับสตรีที่ออกนอกบ้าน และดึงดูดความสนใจของคนรอบข้าง” แสดงว่านี่เป็นอุบายของชัยฏอน ดังนั้นจึงไม่มีทางเลือกและการลังเลใจใดๆ อีกแล้วสำหรับผู้ศรัทธาที่ยังไม่สวมอาภรณ์อันมีเกียรตินี้ เพราะเป็นการเชื่อฟังปฏิบัติตามพระบัญชาของอัลลอฮฺ
                จงรีบเร่งไปสู่การขออภัยโทษเถิด โอ้สตรีทั้งหลายเอ๋ย
! หากว่าเธอยอมรับในความเป็นพระผู้เป็นเจ้าของอัลลฮฺ ยอมรับอิสลามเป็นระบอบการดำเนินชีวิต นบีมุฮัมมัด [ขอความสันติและความจำเริญจากอัลลอฮฺจงประสบแด่ท่าน] เป็นรอซูล และถือเอาบรรดาภรรยา บรรดาบุตรสาวของท่าน ตลอดจนบรรดามุอฺมินาต (บรรดาผู้ศรัทธาหญิง) ทั้งหลายเป็นแบบฉบับและแบบอย่างอันดีงาม
                หากบรรดามุสลิมีน (บรรดาชายมุสลิม) ได้อ่านข้อความต่างๆ ในบทความเกี่ยวกับเรื่องนี้ โปรดอบรมสั่งสอนตักเตือนบรรดาสตรีในการดูแลของพวกท่านเถิด หากพวกเธอละทิ้งการคลุมฮิญาบเนื่องจากความอายที่เป็นเป้าสายตาเนื่องด้วยการแต่งกายที่ต่างต่างมากกว่าความกล้าที่จะแสดงออกถึงความยำเกรงต่ออัลลอฮฺ เหตุใดเธอจึงไม่มีความละอาย ในการฝ่าฝืนอัลลอฮฺและเปิดเผยสิ่งที่พึงปกปิด และเหตุใดเธอจึงไม่มีความภาคภูมิใจในลักษณะเด่นของเธอที่แตกต่างจากผู้อื่น คือ การปกปิดศีรษะ การยึดมั่นในมารยาทที่ดีงามและบัญญัติอิสลาม นับเป็นสิ่งที่น่าประหลาดเหลือเกินที่เธอมีความอายในสิ่งที่จะทำให้เธอมีเกียรติ
-สำหรับเพื่อนต่างศาสนิก-
                ในสายตาของคุณ อาจเห็นว่าเราแปลกหน้า แปลกความคิด แปลกการแต่งกาย และมีหลายต่อหลายอย่างที่แปลกมากว่านั้น... เราหวังว่าบทความเกี่ยวกับเรื่องนี้ที่คุณไดอ่าน จะช่วยให้คุณเข้าใจเกี่ยวกับการคลุมฮิญาบ รวมถึงทรรศนะการคลุมฮิญาบที่แตกต่างกันมากขึ้น หากคุณสนใจและรู้สึกถึงความปลอดภัยที่ได้จากการปกปิดร่างกายแบบเราแล้ว เราก็ไม่สงวนสิทธิ์ ..เพราะเราและคุณก็เป็นหนึ่งในสิ่งถูกสร้างจากพระผู้สร้างองค์เดียวกันจึงสมควรอย่างยิ่งที่ต้องปฏิบัติตามบัญญัติของพระองค์
                ท้ายสุด สุดท้ายนี้ ขอขอบคุณทุกท่านที่อุตส่าห์มุมานะในการอ่านบทความเกี่ยวกับเรื่องนี้จนจบ แม้บางคนอาจจะอยากรู้เพียงบางเรื่องก็ตามขอวิงวอนต่ออัลลอฮฺ ได้โปรดทรงเปิดหัวใจและนำทางที่ถูกต้องยังพวกเราและพวกท่านด้วยเถิด


ขอบคุณเนื้อหา อาจารย์มุรีด ทิมะเสน
Present by Muslim Hot Report

"มากกว่่่าผ้าคลุมผม" ปัญหาปวดหัว!!

                ถ้าคุณคือมุสลิมะฮฺที่ไม่คลุมฮิญาบ
                                เราขอเชิญชวนให้คุณคลุมฮิญาบอย่างถูกต้องและแต่งกายมิดชิดเรียบร้อย อย่าคิดว่าเพียงไม่คลุมฮิญาบอย่างเดียวไม่เป็นไรหรอก ทำความดีอื่นๆ ก็พอแล้ว เพราะการไม่คลุมฮิญาบนั้นทำให้ยากต่อการแสดงจุดยืนของมุสลิมในการปฏิบัติความดี หรืออาจเป็นหนทางนำไปสู่ความชั่วอื่นๆ ได้ เช่น ขณะที่คุณกำลังร่วมวงกับคนที่ไม่ใช่มุสลิมแล้วต้องปลีกตัวไปละหมาด นั่นอาจเป็นการยากที่คุณจะกล้าพูดและปลีกออกมา เพราะสภาพภายนอกของคุณไม่ได้บ่งบอกถึงการยึดมั่นและเคร่งครัดปฏิบัติตามหลักการศาสนาในทางตรงกันข้าม ถ้าฮิญาบคืออาภรณ์ของคุณ อย่างน้อยที่สุด ผู้ที่ร่วมอยู่กับคุณในเวลานั้นจะรับทราบโดยอัตโนมัติเลยว่าคุณต้องละหมาดซึ่งนั่นคงไม่ยากที่คุณจะปลีกตัวออกมา
                นี่เป็นเพียงตัวอย่างเล็กน้อยที่แสดงถึงข้อดีของคลุมฮิญาบถ้าคุณไดลองปฏิบัติ คุณจะรู้สึกว่า “ฮิญาบมีดีกว่าที่คุณคิด” คุณจะรู้สึกซาบซึ้งถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระผู้อภิบาล ผู้ทรงเมตตาต่อมวลมนุษย์
ถ้าคุณคือมุสลิมะฮฺที่คลุมฮิญาบ
                เราขอเรียกร้องให้คุณหมั่นทบทวนและตรวจสอบตนเองอยู่เสมอ อย่าคิดว่าฮิญาบของฉันสมบูรณ์แล้ว เพราะแน่นอนว่าความศรัทธาของทุกคนย่อมมีขึ้นมีลง ต้องระมัดระวังและเสริมสร้างความศรัทธาอยู่เสมอ โปรดอย่าเพิกเฉยละเลยจนกระทั่งวันหนึ่งฮิญาบของคุณถูกลดทอนความสมบูรณ์ลง อย่าให้ความทะนงตนทำให้เราเย่อหยิ่งและดูถูกคนอื่น โปรดอย่าคิดว่า “ฉันดีแล้ว” หรือ “ฉันดีกว่า” เพราะความรู้สึกนี้อาจเป็นอุปสรรคขวางกั้นการพัฒนาตนเองให้ดียิ่งขึ้น
                ขอให้เรามองพี่น้องมุสลิมด้วยความรักและปรารถนาสิ่งดีแก่เขาดังเช่นที่เราปรารถนาสิ่งดีแก่ตนเอง ด้วยความรู้สึกเช่นนี้จะทำให้คุณมีความอ่อนโยนและจริงใจในการเรียกร้องเชิญชวนพี่น้องมุสลิมะฮฺและหากอัลลอฮฺทรงประสงค์ การเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นจะประสบกับพี่น้องของเรา
ถ้าคุณกำลังมองคนที่คลุมหน้า
                เราขอให้คุณมองด้วยสายตาที่ไม่ลำเอียง โปรดอย่างสร้างมาตรฐานว่า “เธอคลุมหน้าแล้วต้องเป็นอย่างนั้น ต้องไม่เป็นอย่างนี้” เพราะมุสลิมะฮฺที่คลุมหน้าก็ไม่ได้พิเศษกว่าคนอื่น เพียงแตกต่างกันในเรื่องการแต่งกายเท่านั้น คนคลุมหน้าไม่ใช่คนที่สมบูรณ์จนไม่อาจมีข้อผิดพลาดได้ เป็นเพียงคนที่พยายามปฏิบัติในเรื่องหนึ่งให้ดีที่สุด และอาจต้องใช้เวลาในการปรับปรุงเรื่องอื่นๆ ก็เป็นได้
ถ้าคุณคือมุสลิมะฮฺที่ปิดๆ เปิดๆ (หน้า)
                เราไม่สามารถตัดสินได้ว่าอะไรคือแรงจูงใจของคุณ หากการที่คุณเริ่มคลุมหน้าในบางโอกาส คือ การเริ่มต้นสร้างความมั่นใจสำหรับการคลุมหน้า เรายินดีสนับสนุน และขอแนะนำให้คุณศึกษาหลักฐานอย่างจริงจังและจริงใจ ในการวิงวอนขอความช่วยเหลือจากอัลลอฮฺ ...หากพระองค์ทรงประสงค์ การเปลี่ยนแปลงจะเป็นเรื่องไม่ยากสำหรับคุณ
                แต่หากการคลุมหน้าบางโอกาสของคุณ เป็นไปเพียงเพื่อการยอมรับของคนบางกลุ่ม หรือเพื่อให้บางคนเห็นว่าคุณเคร่งครัดนั่นไม่ใช่ลักษณะที่มุสลิมพึงปฏิบัติ มุสลิมที่แท้จริงไม่ใช่ผู้ที่ต้องการในมนุษย์คนใดคนหนึ่งยอมรับ ในขณะที่อัลลอฮฺทรงรอบรู้ความคิดชั่วร้ายของเขาที่ซ่อนอยู่ เขาคิดจะหลอกลวงอัลลอฮฺ กระนั้นหรือ?? เปล่าเลย เขากำลังหลอกตัวเองและสร้างความลำบากให้กับตัวเองต่างหาก เขาต้องคอยหวาดระแวงเสมอว่าจะมีใครรู้ความจริงของเขาหรือไม่
                หากคุณมีความคิดเช่นนี้ เราขอเรียกร้องให้คุณกลับเนื้อกลับตัวและขออภัยโทษต่ออัลลอฮฺ หมั่นตรวจสอบจิตใจตนเองอยู่เสมอว่า คุณมีความบริสุทธิ์ใจและพร้อมที่จะบอกกับทุกคนว่า “ฉันคลุมหน้าแค่บางโอกาสเท่านั้น” นี่คือการเริ่มต้นนะ” ..ด้วยความคิดเช่นนี้ คุณจะได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นสู่การเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น และไม่ต้องคอยหวาดระแวงว่าใครจะรู้ความลับของคุณ
......โปรดอย่าลืมว่า อัลลอฮฺ คือ ผู้ทรงรอบรู้ทุกความคิดและการกระทำและไม่มีใครสามารถช่วยตรวจสอบความคิดของคุณได้นอกจากตัวเอง


ขอบคุณเนื้อหา อาจารย์มุรีด ทิมะเสน
Present by Muslim Hot Report

"มากกว่่าผ้าคลุมผม" เข้าใจผิด!!

                ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับการคลุมฮิญาบของมุสลิมะฮฺในมุงมองของคนที่ไม่ใช่มุสลิมนั้น มีคำพูดมากมายที่เกิดจากความไม่เข้าใจในวัตถุประสงค์และข้อสั่งใช้ของอัลลอฮฺ เช่น เห็นว่าการคลุมฮิญาบและแต่งกายมิดชิดของสตรีมุสลิมเป็นการกดขี่ทางเพศเนื่องจากสมัยนี้เป็นยุคโลกาภิวัตน์ วัตถุและเงินมีอำนาจซื้อได้ทุกอย่างแม้นกระทั่งจิตใจมนุษย์ให้หลงระเริงตามแฟชั่นหลากสไตล์การแต่งกายด้วยผ้าบางเบา พลิ้วไหว และน้อยชิ้น กลับเป็นสิ่งสวยงาม ท่ามกลางสังคมที่ตกต่ำ มีคำกล่าวว่า “ผู้หญิงมีดีก็ต้องโชว์” “ผู้หญิงตอนนี้เท่าเทียมผู้ชายแล้ว โดยที่พวกเธอลืมไปว่าร่างกายของสตรีนั้นถูกสร้างมาให้มีความแตกต่างจากชาย ทั้งในด้านสรีระและความแข็งแกร่งของกล้ามเนื้อ ทำให้พละกำลังของหญิงน้อยกว่าชาย หรือจะเรียกได้ว่าเพศหญิงนั้นเป็นเพศที่อ่อนแอ เราต้องยอมรับความจริงในข้อนี้ และจากการหลงลืมนี้เอง ทำให้หลายๆ คนในสังคมไม่เข้าใจว่าทำไมมุสลิมะฮฺจึงต้องแต่งกายมิดชิดนักหนา
                หากคุณเปิดใจรับฟังและยอมรับความเป็นจริงข้างต้น คุณจะเข้าใจว่าเราคลุมฮิญาบกันทำไม และคุณก็จะเข้าใจว่าสิ่งที่อัลลอฮฺทรงสั่งใช้ให้มุสลิมะฮฺคลุมฮิญาบและแต่งการมิดชิดนั้น เป็นดั่งเกราะป้องกันความชั่วและภัยอันตรายต่างๆ ที่จะมาถึงพวกเรา
                คุณลองคิดดูสิว่า ระหว่างหญิงที่แต่งกายเรียบร้อย กริยามารยาทสงบเสงี่ยม กับหญิงที่แต่งกายด้วยผ้าน้อยชิ้น รัดรูป เป็นการดึงดูดเพศตรงข้าม คุณคิดว่าระหว่างหญิงสองคนนี้ ใครมีคุณค่ามากกว่ากัน และคนไหนจะทำให้เกิดปัญหาสังคมได้มากกว่ากันคุณเคยได้ยินไหมว่า “การแต่งกายส่อความคิดและเจตนา”
                สำหรับศาสนาอิสลาม การแต่งกายของมุสลิมะฮฺได้ถูกกำหนดมาเรียบร้อยแล้วอย่างเหมาะสม เพราะอะไรน่ะหรือ? ก็เพราะอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงสร้างมนุษย์และทุกสรรพสิ่ง พระองค์ทรงรอบรู้ทุกสิ่ง รู้ถึงจิตใจของมนุษย์ รู้ถึงอารมณ์ใฝ่ต่ำของมนุษย์ การแต่งการที่มิดชิดนอกจากจะเป็นเกราะป้องกันจิตใจของมุสลิมะฮฺไม่ให้กระทำในสิ่งผิดแล้ว ยังสามารถป้องกันภัยจากผู้ที่ประสงค์ทำร้ายและทำลายเพศหญิง
                หากที่กล่าวมาแล้วนี้เรียกว่า “การกดขี่ทางเพศ” คงไม่ถูกต้อง เพราะการกระทำที่เรียกว่าการกดขี่ทางเพศนั้นต้องไม่เกิดจากความสมัครใจของผู้ถูกกระทำ แต่บรรดามุสลิมะฮฺที่ศรัทธามั่นต่ออัลลอฮฺ เราไม่เคยคิดว่าสิ่งนี้เป็นการกดขี่ทางเพศหรือเป็นความลำบากยากเย็นอะไร การคลุมฮิญาบไม่ไดทำให้การประกอบกิจวัตรประจำวันของเรายากไปกว่าเดิม ไม่ได้ทำให้รู้สึกอึดอัด หรือรู้สึกว่ามีอุปสรรคใดๆ
                เราอยากให้คุณลองคิดดูว่า หากเราตั้งใจทำอะไรสักอย่างเพื่อคนที่คุณรัก ทำด้วยความเต็มใจ คุณจะมีความสุขหรือไม่? และหากผู้ที่คุณตั้งใจทำความดีให้นั้น เป็นผู้ที่คุณเคารพและศรัทธาสูงสุดล่ะความสุขของคุณจะมากล้นทวีคูณขึ้นอีกสักที่เท่า
                ดังนั้นโปรดอย่าเพิ่งตัดสินศาสนาอิสลามว่ากดขี่เพศหญิง เพราะทุกอย่างถูกกำหนดมาแล้วอย่างเหมาะสม การศึกษาเพื่อความเข้าใจอย่างลึกซึ้งจะทให้เราเคารพในสิทธิ ยอมรับในความต่างและอยู่ในสังคมร่วมกันท่ามกลางความหลากหลายนี้อย่างสงบ


ขอบคุณเนื้อหา อาจารย์มุรีด ทิมะเสน
Present by Muslim Hot Report

"มากกว่าผ้าคลุมผม" ที่ดีกว่า!

ถ้าทำได้ก็เป็นการดีมากๆ (แต่ทำไมประเทศทางฝั่งยุโรปจึงต้องต่อต้านการแต่งตัวอย่างนี้ด้วย) ทำไมไม่เห็นจะต่อต้านการรักร่วมเพศบ้างเลย ...ทั้งๆ ที่การรักร่วมเพศ คือ ความอัปยศที่สุดเป็นความชั่วร้ายที่สุดเป็นสิ่งที่โดนปฏิเสธมาโดยตลอด
                ผมเคยถามคนๆ หนึ่ง
                “บังครับ
! มีเพื่อนศาสนิกชอบถามผมประจำเกี่ยวกับฮิญาบ ว่าทำไมสตรีมุสลิมบางคนไม่ใส่ผ้าคลุม (หมายถึงฮิญาบ) แต่บางคนใส่ แถมบางคนใส่ผ้าคลุมแล้วยังปิดหน้าอีก ...ผมจะตอบว่ายังไงครับ?”
                บังคนนั้นยิ้ม แล้วตอบว่า
                “บังเองก็ไม่ได้รู้อะไรมากหรอก แต่บังจะเปรียบเทียบอย่างนึงนะ
                มุสลิมะฮฺ ก็เปรียบเสมือนบ้านหลังหนึ่งที่ประกอบไปด้วยสิ่งของอันสวยงามและสิ่งของที่มีราคา และการคลุมฮิญาบของมุสลิมะฮฺคนนั้นก็เปรียบเสมือนว่า บ้านหลังนั้นถูกปิดประตูลงกลอนอย่างแน่นหนา แต่.. มีแค่หน้าต่างบานหนึ่งที่เปิดอยู่ (หมายถึงคลุมฮิญาบแล้วไม่ปิดหน้า)
                สมมุติว่ามีโจรที่ชั่วร้ายผ่านมาทางบ้านหลังนี้ แล้วเผอิญเค้าเห็นสิ่งของที่สวยงามและสิ่งของที่มีราคาผ่านทางหน้าต่างเหล่านั้นแน่นอน.. โดยสัญชาตญาณของโจรก็ต้องงัดแงะเพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งของที่มีค่า เพื่อตอบสนองนัฟซู (อารมณ์ใฝ่ต่ำ) ของตนเอง
                แล้วทีนี้ การที่มุสลิมะฮฺคลุมฮิญาบและปิดหน้า ก็เปรียบเสมือนว่า บ้านหลังนั้นที่ประกอบไปด้วยสิ่งของอันสวยงามและสิ่งของที่มีราคา ถูกปิดประตูและลงอย่างอย่างแน่นหนา โดยไม่มีช่องว่างช่องไหนที่สามารถมองเห็นได้
                แล้วคิดว่ามีใครที่จะสามารถเข้าไปในบ้านหลังนั้นได้ไหม ถ้าเจ้าของไม่อนุญาต”
                ผมยิ้มแล้วตอบว่า...
                “ด้วยความรู้อันน้อยนิดของผม ผมคิดว่า ไม่ครับ”
::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::
                ดังที่ได้กล่าวไปในหัวข้อที่แล้วถึงขอบเขตการปกปิดที่แตกต่างกันทั้งสองทรรศนะ บรรดานักปราชญ์มุสลิมซึ่งมีความรู้แตกฉานและน่าเชื่อถือ ได้ตีความจากโองการในอัลกุรฺอาน และหะดีษหลายบทของท่านนบีมุฮัมมัด {ขอความสันติและความจำเริญจากอัลลอฮฺจงประสบแด่ท่าน} ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติที่คนเราอาจมีความคิดเห็นแตกต่างกัน
                สิ่งนี้เป็นการยืนยันถึงความสะดวกง่ายดายและเหมาะสมในการนำหลักการอิสลามมาปฏิบัติในชีวิตจริง เช่น หากบรรดานักปราชญ์มุสลิมทั้งหมดตีความว่าสตรีมุสลิมต้องปกปิดร่างกายทุกส่วนรวมทั้งใบหน้าและฝ่ามือ (อาจเปิดตาหนึ่งหรือสองข้างได้) ก็อาจก่อให้เกิดความยากลำบากแก่สตรีบางคนที่มีความจำเป็นต้องประกอบอาชีพบางอย่างเพื่อเลี้ยงดูตนเองหรือครอบครัวโดยไม่มีทางเลือ เช่น ทำอาหารขาย เธอคงไม่สะดวกที่จะสวมถุงมือด้วยขณะที่ทำอาหาร และถ้าเธอไม่สวมถุงมือก็ถือเป็นความผิด
                แต่ด้วยพระเมตตาของผู้ทรงปรีชาญาณ ผู้ทรงอภิบาลแห่งสากลโลกนี้ พระองค์ทรงกำหนดมาอย่างกว้างๆ เพื่อให้โอกาสบรรดาบ่าวผู้ศรัทธาเลือกปฏิบัติสิ่งที่เหมาะสมอย่างเต็มความสามารถแต่ไม่ว่าจะยึดทรรศนะใด ก็ต้องศึกษาให้ละเอียด
                ดังนั้น จึงไม่ต้องแปลกใจ ที่คุณอาจพบเห็นมุสลิมะฮฺบางคนคลุฒฮิญาบแบบเปิดหน้า ขณะที่บางคนคลุมแบบปกปิดมิดชิดทั้งร่างกาย เป็นความแตกต่างบนศรัทธาเดียวกัน ซึ่งมิได้ผิดหลักปฏิบัติทางศาสนาเลย
                สำหรับมุสลิมะฮฺที่ไม่คลุมหน้าก็ไม่มีข้อตำหนิประการใดและเช่นเดียวกันก็ไม่ควรตำหนิมุสลิมะฮฺที่คลุมหน้าด้วย การคลุมหน้าไม่ใช่การบ่งบอกความเคร่งครัดกว่า เป็นเพียงการปฏิบัติสิ่งที่เชื่อว่าจำเป็น (วาญิบ) หรือเชื่อว่าทำแล้วดีกว่าเท่านั้น แต่ก็ถือว่าดีกว่าเพียงด้านการแต่งกาย ไม่ได้หมายความว่ามุสลิมะฮฺที่คลุมหน้าจะดีกว่ามุสลิมะฮฺที่ไม่ไดคลุมหน้าในทุกด้าน เราอาจพบเห็นมุสลิมะฮฺบางคนในสังคมที่คลุมฮิญาบแบบเปิดหน้า แต่มีกริยามารยาทตลอดจนความศรัทธาและการปฏิบัติอิบาดะฮฺงดงามยิ่งกว่ามุสลิมะฮฺที่คลุมหน้าบางคนเสียอีก


ขอบคุณเนื้อหา อาจารย์มุรีด ทิมะเสน
Present by Muslim Hot Report