วันพุธที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

บทบัญญัติเกี่ยวกับการคลุมหน้าและหลักฐานอย่างละเอียด

การคลุมหน้าของมุสลิมะฮฺ มวลการสรรเสริญเป็นกรรมสิทธิ์ของอัลลอฮฺ การคลุมหิญาบของมุสลิมะฮฺต่อหน้าชายที่ไม่ใช่มะหฺร็อมและการปกปิดใบหน้าของพวกนางนั้นเป็นข้อบังคับที่ระบุในคัมภีร์ของอัลลอฮฺและซุนนะฮฺของท่านนบี
1.หลักฐานจากอัลกรุอาน
หลักฐานที่ หนึ่ง

يُبْدِينَ زِينَتَهُنَّ إِلَّا مَا ظَهَرَ مِنْهَا وَلْيَضْرِبْنَ بِخُمُرِهِنَّ عَلَى جُيُوبِهِنَّ وَلَا يُبْدِينَ زِينَتَهُنَّ إِلَّا لِبُعُولَتِهِنَّ أَوْ آبَائِهِنَّ أَوْ آبَاء بُعُولَتِهِنَّ أَوْ أَبْنَائِهِنَّ أَوْ أَبْنَاء بُعُولَتِهِنَّ أَوْ إِخْوَانِهِنَّ أَوْ بَنِي إِخْوَانِهِنَّ أَوْ بَنِي أَخَوَاتِهِنَّ أَوْ نِسَائِهِنَّ أَوْ مَا مَلَكَتْ أَيْمَانُهُنَّ أَوِ التَّابِعِينَ غَيْرِ أُوْلِي الْإِرْبَةِ مِنَ الرِّجَالِ أَوِ الطِّفْلِ الَّذِينَ لَمْ يَظْهَرُوا عَلَى عَوْرَاتِ النِّسَاء وَلَا يَضْرِبْنَ بِأَرْجُلِهِنَّ لِيُعْلَمَ مَا يُخْفِينَ مِن زِينَتِهِنَّ وَتُوبُوا إِلَى اللهِ جَمِيعاً أَيُّهَا الْمُؤْمِنُونَ لَعَلَّكُمْ تُفْلِحُونَ﴾ (النور : 31 )
ความว่า “จงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) แก่บรรดามุมินะฮฺ (ผู้ศรัทธาหญิง) ให้พวกนางลดสายตาของพวกนางลงต่ำ (จากการมองสิ่งต้องห้าม) และให้พวกนางรักษาทวาร (อวัยวะเพศ) ของพวกนาง (จากการประพฤติผิดทางเพศ) และอย่าเปิดเผยเครื่องประดับของพวกนาง เว้นแต่สิ่งที่พึงเปิดเผยได้ (เช่น ตาข้างหนึ่งหรือสองข้างเพื่อใช้มอง เสื้อคลุมข้างนอก ถุงมือ) และให้นางปิดด้วยผ้าคลุมศีรษะของพวกนางลงมาจนถึงญุยูบิฮินนะ (ร่างกาย ใบหน้า คอ และหน้าอกของพวกนาง) และอย่าให้พวกนางเปิดเผยเครื่องประดับของพวกนาง เว้นแต่แก่สามีของพวกนาง หรือบิดาของพวกนาง หรือบิดาของสามีของพวกนาง หรือลูกชายของพวกนาง หรือลูกชายของสามีของพวกนาง หรือพี่ชายน้องชายของพวกนาง หรือลูกชายของพี่ชายน้องชายของพวกนาง หรือลูกชายของพี่สาวน้องสาวของพวกนาง หรือพวกผู้หญิง (มุสลิมะฮฺ) ของพวกนาง หรือที่มือขวาของพวกนางครอบครอง (ทาสี) หรือคนใช้ผู้ชายที่ไม่มีความรู้สึกทางเพศ หรือเด็กที่ยังไม่รู้เรื่องเพศสงวนของผู้หญิง และอย่าให้นางกระทืบเท้าของพวกนาง เพื่อให้ผู้อื่นรู้สิ่งที่พวกนางควรปกปิดในเครื่องประดับของพวกนาง และพวกเจ้าทั้งหลายจงขอลุแก่โทษต่ออัลลอฮฺเถิด โอ้บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย เพื่อว่าพวกเจ้าจะได้รับชัยชนะ” [อันนูร 24:31]
หลักฐานจากอายะฮฺนี้แสดงให้เห็นว่าหิญาบเป็บข้อบังคับสำหรับมุสลิมะฮฺ ดังต่อไปนี้
1.อัลลอฮฺทรงสั่งใช้ให้สตรีผู้ศรัทธาปกป้องความบริสุทธิ์ของพวกนางและคำสั่งใช้นี้เป็นการสั่งให้ปฏิบัติทุกสิ่งที่อยู่ในแนวทางดังกล่าว ผู้ที่มีเหตุผลจะไม่สงสัยเลยว่าการปฏิบัติสิ่งที่ปกป้องความบริสุทธิ์คือการคลุมหน้า เพราะการไม่คลุมหน้าเป็นสาเหตุให้คนมองและพึงพอใจกับความสวยของใบหน้าแล้วนำสู่การติดต่อกัน ท่านร่อซูล กล่าวว่า “ดวงตาทำซินา และซินาของมันคือการมอง” จากนั้นท่านกล่าวว่า “และอวัยวะเพศ (ของชายและหญิง) เป็นเคริ่องยืนยันความเป็นจริงหรือโกหก” (บันทึกโดย อัลบุคอรี, 6612; มุสลิม, 2657)
ดังนั้น หากการคลุมหน้าเป็นวิธีการเพื่อบรรลุเป้าหมายแห่งการปกป้องความบริสุทธิ์ของตนเองวิธีหนึ่ง มันก็ย่อมเป็นคำสั่งให้ปฏิบัติ เพราะตามหลักการศาสนานั้น กฎของวิธีการคือกฎของเป้าหมาย
2.อัลลอฮฺตรัสความว่า “...และให้นางปิดด้วยผ้าคลุมศีรษะของพวกนางลงมาถึงญุยูบิฮินนะ...” ญัยบฺ -جيب (พหูพจน์คือ ญุยูบ - جيوب) คือ เสื้อผ้าที่เปิดคอ และคิมาร - خمار คือ สิ่งที่ผู้หญิงใช้คลุมศีรษะ หากมุสลิมะฮฺถูกสั่งใช้ให้ปกปิดเสื้อผ้าที่เปิดคอ ดังนั้นนางย่อมถูกสั่งใช้ให้ปิดใบหน้าไม่ว่าจะโดยนัยยะแฝงหรือโดยการเปรียบเทียบ หากมีคำสั่งใช้ให้ปกปิดลำคอและหน้าอกแล้ว การที่จะคลุมหน้าก็สมควรจะปฏิบัติมากกว่าเพราะใบหน้าเป็นจุดสวยงามและน่าดึงดูด
3.อัลลอฮฺทรงห้ามเปิดเผยเครื่องประดับทุกชนิดยกเว้นสิ่งที่ปรากฏภายนอก ซึ่งมิได้มีเจตนาโอ้อวด เช่น ด้านนอกของเสื้อผ้า แท้จริงอัลลอฮฺตรัสว่า “ยกเว้นแต่สิ่งที่พึงเปิดเผยได้” พระองค์ไม่ได้ตรัสว่า “ยกเว้นสิ่งที่ผู้หนึ่งเปิดเผยมัน” ชาวสะลัฟบางคน เช่น อิบนุมัสอูด อัลหะซัน อิบนุซีรีน และคนอื่นๆ ตีความหมายของประโยค “ยกเว้นแต่สิ่งที่พึงเปิดเผยได้” ว่าหมายถึงภายนอกของเสื้อผ้าและสิ่งที่ล้ำจากเสื้อผ้าภายนอก (เช่น ชายกระโปรงที่สวมข้างใน) และอัลลอฮฺทรงห้ามอีกครั้งในการเปิดเผยเครื่องประดับ (ในท้ายอายะฮฺ) ยกเว้นต่อบุคคลที่พระองค์ทรงยกเว้น เครื่องประดับในครั้งที่สองนี้อ้างถึงสิ่งที่นอกเหนือจากเครื่องประดับในครั้งแรก เครื่องประดับแรกคือเครื่องประดับภายนอกที่ปรากฏแก่ทุกคนซึ่งไม่สามารถปกปิดได้ ส่วนเครื่องประดับที่สองคือเครื่องประดับภายใน (รวมถึงใบหน้า) ถ้าหากเครื่องประดับที่สองเป็นสิ่งที่ยอมให้มองได้สำหรับทุกคน ก็ไม่มีเหตุผลที่ใช้คำทั่วไปในครั้งแรกและยกเว้นอีกครั้งในครั้งที่สอง
4.อัลลอฮฺทรงอนุญาตให้มุสลิมะฮฺเปิดเผยเครื่องประดับภายในของพวกนางแก่ “คนใช้ผู้ชายที่ไม่มีความรู้สึกทางเพศ” เช่น คนใช้ผู้ชายที่ไม่ปรารถนาเรื่องเพศ และเด็กเล็กที่ยังไม่บรรลุวัยที่จะมีความปรารถนาเรื่องเพศและยังไม่เคยเห็นเอาเราะฮฺของสตรี สิ่งดังกล่าวนี้แสดงให้เห็นว่า
**ไม่อนุญาตให้เปิดเผยเครื่องประดับภายในแก่ชายที่ไม่ใช่มะหฺร็อม ยกเว้นบุคคลสองประเภทที่กล่าวไปแล้ว
**เหตุผลสำหรับบทบัญญัตินี้คือเกรงว่าผู้ชายจะถูกยั่วยวนโดยสตรีและตกหลุมรักนาง ไม่เป็นที่น่าสงสัยเลยว่าใบหน้าคือสิ่งที่สวยงามและดึงดูดใจ ดังนั้นการคลุมหน้าจึงเป็นข้อบังคับเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ชายเกิดความรู้สึกว่าถูกดึงดูดและยั่วยวนจากสตรี
5.จากดำรัสความว่า “อย่าให้นางกระทืบเท้าของพวกนาง เพื่อให้ผู้อื่นรู้สิ่งที่พวกนางควรปกปิดในเครื่องประดับของพวกนาง” หมายความว่ามุสลิมะฮฺต้องไม่กระทืบเท้าเพื่อให้ผู้อื่นทราบถึงเครื่องประดับที่ถูกปกปิดอยู่ภายใต้เสื้อผ้า เช่น กำไลเท้าและสิ่งอื่นๆ เมื่อมุสลิมะฮฺถูกห้ามไม่ให้กระทืบเท้าเพื่อไม่ให้ผู้ชายคิดว่าถูกยั่วยวนด้วยเสียงกำไลข้อเท้าแล้ว เหตุใดจึงไม่คลุมหน้าซึ่งยั่วยวนมากกว่า ?
สิ่งใดเป็นการดึงดูดมากกว่ากัน ระหว่างการที่ผู้ชายได้ยินเสียงกำไลข้อเท้าของสตรีที่เขาไม่รู้ว่านางสวยหรือไม่สวย สาวหรือชรา น่าเกลียดหรือน่ารัก กับการที่เขามองใบหน้าอันสวยงามและอ่อนเยาว์ซึ่งดึงดูดและเชิญชวนเขาให้มองมัน ผู้ชายทุกคนที่มีความปรารถนาในตัวสตรีจะรู้ว่าสิ่งไหนดึงดูดมากกว่าและสิ่งไหนสมควรถูกปกปิด
หลักฐานที่ สอง
جُنَاحٌ أَن يَضَعْنَ ثِيَابَهُنَّ غَيْرَ مُتَبَرِّجَاتٍ بِزِينَةٍ وَأَن يَسْتَعْفِفْنَ خَيْرٌ لَّهُنَّ وَاللهُ سَمِيعٌ عَلِيمٌ﴾ (النور : 60 )
ความว่า “และบรรดาหญิงวัยชราซึ่งพวกนางไม่ปรารถนาที่จะสมรสแล้ว ไม่เป็นที่น่าตำหนิแก่พวกนางที่จะเปลื้องเสื้อผ้า (ภายนอก) ของนางออก โดยไม่เปิดเผยส่วนงดงาม และหากพวกนางงดเว้นเสียก็จะเป็นการดีแก่พวกนาง และอัลลอฮฺนั้นเป็นผู้ทรงได้ยินผู้ทรงรอบรู้” [อันนูร 24:60]

หลักฐานจากอายะฮฺนี้ อัลลอฮฺทรงชี้ให้เห็นว่า ไม่มีบาปแก่หญิงชราที่ไม่ปรารถนาจะแต่งงาน เพราะผู้ชายไม่มีความปรารถนาต่อพวกนาง เนื่องจากความชราของนาง การเปลื้องเสื้อนอกของหญิงชรามีเงื่อนไขว่าต้องไม่มีเจตนาเปิดเผยเกินควร ความจริงที่ว่าหลักการนี้ใช้สำหรับหญิงชราเท่านั้น แสดงให้เห็นความแตกต่างต่อบทบัญญัติของหญิงสาวที่หวังจะแต่งงาน เพราะหากบัญญัติการเปลื้องเสื้อนอกอนุมัติแก่ทุกคน ก็ไม่จำเป็นต้องเจาะจงหญิงชราดังตัวบทนี้
สำหรับวลี “โดยไม่เปิดเผยส่วนงดงาม” เป็นการสนับสนุนว่าหิญาบเป็นข้อบังคับสำหรับหญิงสาวที่หวังจะแต่งงาน เพราะโดยทั่วไป การไม่ปกปิดใบหน้านั้นมีเจตนาเปิดเผยอย่างเกินควร (ตะบัรรุจ) เพื่อโอ้อวดความสวยงามและทำให้ผู้ชายมอง ชื่นชม และอื่นๆ สำหรับสตรีที่ไม่มีเจตนาอย่างนี้ถือว่าเกือบไม่มีเลย และกฎของสิ่งที่เกือบไม่มีนั้นก็เหมือนกับสิ่งที่ไม่มี หลักฐานที่ สาม
عَلَيْهِنَّ مِن جَلَابِيبِهِنَّ ذَلِكَ أَدْنَى أَن يُعْرَفْنَ فَلَا يُؤْذَيْنَ وَكَانَ اللهُ غَفُوراً رَّحِيماً﴾ (الأحزاب : 59 )
ความว่า “โอ้นบี (มุฮัมมัด) เอ๋ย จงกล่าวแก่บรรดาภรรยาของเจ้าและบุตรสาวของเจ้า และบรรดาหญิงของบรรดาผู้ศรัทธา ให้พวกนางดึงเสื้อคลุมของพวกนางลงมาปิดตัวของพวกนาง (ปกปิดเรือนร่างอย่างสมบูรณ์ ยกเว้นตาข้างหนึ่งหรือสองข้างเพื่อใช้มอง) นั่นเป็นการเหมาะสมกว่าที่นางจะเป็นที่รู้จัก (ในสภาพหญิงอิสรชน) เพื่อที่พวกนางจะไม่ถูกรบกวน และอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงอภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ” [อัลอะหฺซาบ 33:59]
อิบนุ อับบาส กล่าวว่า อัลลอฮฺทรงสั่งใช้สตรีผู้ศรัทธา เมื่อออกนอกบ้านด้วยความจำเป็น ให้ปกปิดใบหน้าของนางตั้งแต่จุดสูงสุดของศีรษะด้วยญิลบาบ และเปิดตาไว้ข้างหนึ่ง
ตัฟซีรของเศาะหาบะฮฺคือหลักฐาน อันที่จริงนักวิชาการบางท่านกล่าวว่า มันอยู่ภายใต้หลักเกณฑ์ที่เป็นรายงานมัรฟูอฺ ซึ่งอ้างอิงกลับไปยังท่านนบี (มีระดับเทียบเท่าหะดีษของท่านนบี - ผู้แปล)
สำหรับ “การเปิดตาไว้ข้างหนึ่ง” กระทำได้เพราะจำเป็นต้องมองทาง หากไม่จำเป็นต้องมองทางดวงตาไม่ควรถูกเปิดเผย
ญิลบาบ คือ เสื้อผ้าข้างนอกที่คลุมทับคิมาร (ผ้าคลุมศีรษะ) มีลักษณะคล้ายกับอะบายะฮฺ
หลักฐานที่สี่
إِخْوَانِهِنَّ وَلَا أَبْنَاء أَخَوَاتِهِنَّ وَلَا نِسَائِهِنَّ وَلَا مَا مَلَكَتْ أَيْمَانُهُنَّ وَاتَّقِينَ اللهَ إِنَّ اللهَ كَانَ عَلَى كُلِّ شَيْءٍ شَهِيداً﴾ (الأحزاب : 55 )
ความว่า “ไม่เป็นที่น่าตำหนิแก่พวกนาง (บรรดาภรรยาของท่านนบี ที่จะไม่คลุมหิญาบ) ต่อหน้าบิดาของพวกนาง และลูกๆ ของพวกนาง และพี่น้องผู้ชายของพวกนาง และลูกชายของพี่น้องหญิงของพวกนาง และบรรดาผู้หญิง (มุสลิมะฮฺ) ของพวกนาง และที่มือขวาของพวกนางครอบครอง (ทาสี) และพวกนางจงยำเกรงต่ออัลลอฮฺ แท้จริง อัลลอฮฺนั้นทรงเป็นพยานต่อทุกสิ่ง” [อัลอะหฺซาบ 33:55]

อิบนุ กะษีร رحمه الله กล่าวว่า อัลลอฮฺทรงสั่งใช้ให้สตรีคลุมหิญาบเมื่ออยู่ต่อหน้าชายที่ไม่ใช่มะหฺร็อม เขาอธิบายว่า สตรีไม่ต้องคลุมหิญาบเมื่ออยู่ต่อหน้าบรรดาญาติที่ระบุในอายะฮฺนี้ เช่นเดียวกับญาติที่อัลลอฮฺทรงระบุไว้ในซูเราะฮฺอันนูร อัลลอฮฺตรัสความว่า “เว้นแต่แก่สามีของพวกนาง...”

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น