วันอังคารที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ทำไมต้องกราบกะบะฮฺ?

เรียบเรียงโดย Muslim Hot Report.

ขอบคุณข้อมูลจากเว็บไซต์ www.mureed.com

ชาวต่างศาสนิกเองมีความสับสนก่อนที่จะถามคำถามนี้ ในเรื่องของหินดำกับกะบะฮฺ เพราะเขาได้ยินทั้งคำว่า “หินดำ” ได้ยินทั้งคำว่า “กะบะฮฺ” แล้วก็คิดว่ามันเป็นอันเดียวกัน ดังนั้นบางคนจึงตั้งคำถามว่ามุสลิมไม่เคารพรูปปั้นแต่ทำไมดันกราบหินดำ? ในขณะที่บางคนถามว่าทำไมต้องกราบกะบะฮฺ? แต่จริงๆแล้วมันคนละอันกันครับ


กะบะฮฺนั้นเป็นอาคารที่สร้างโดยมะลาอิกะฮฺ (ทูตสวรรค์หรือที่ชาวคริสต์เรียกว่าAngel) ซึ่งสร้างตามพระบัญชาของพระเจ้าที่ต้องการให้มี“บ้านแห่งพระเจ้า”(บัยตุลลอฮฺ) เพื่อไว้ให้มนุษย์รำลึกถึงพระองค์ ซึ่งมีมาตั้งแต่ยุคนบีอาดัมมนุษย์คนแรกของโลก และพังไปในยุคที่น้ำท่วมโลก หลังจากนั้นก็ได้ถูกสร้างใหม่โดยนบีอิบรอฮีม(อับราฮาม) เนื่องจากมุสลิมนั้นจะไม่ปั้นรูป

ใดๆขึ้นมาเป็นตัวแทนของพระเจ้า อาคารหลังนี้จึงเป็นสถานที่ที่มีไว้เพื่อรำลึกถึงพระเจ้า ไม่ใช่สิ่งที่มุสลิมกราบไหว้บูชาแต่อย่างใด

อาคารกะบะฮฺนี้ได้ถูกตบแต่งประดับประดาเรื่อยมาในยุคของท่านนบีมุฮัมมัดและหลังจากที่ท่านเสียชีวิตไป(จนปัจจุบันเราเห็นมีผ้าสวยๆคลุมอยู่)

และสำหรับเหตุการณ์ที่นบีอิบรอฮีมสร้างบ้านแห่งพระเจ้าหลังนี้ก็ถูกเล่าไว้ในคัมภีร์ไบเบิ้ลเช่นกัน แต่ชาวคริสต์โดยมากไม่รู้ว่าเป็นอาคารกะบะฮฺหลังนี้ ..จากที่กล่าวมานี้เราคงทราบกันแล้วว่ากะบะฮฺนั้นเป็นแค่อาคาร จึงตัดประเด็นออกไปได้เลยว่ามุสลิมจะกราบกะบะฮฺนี้ เพียงแต่จากภาพที่เห็นมุสลิมละหมาดนั้นจะมีการก้มกราบไปในทิศทางของกะบะฮฺและหินดำ..

หินดำนั้นวางอยู่ที่มุมหนึ่งของอาคารกะบะฮฺ และมันก็ไม่ใช่สิ่งที่มุสลิมกำลังกราบอยู่ เพียงแต่ตำแหน่งมันอยู่บนจุดที่มุสลิมหันหน้าก้มกราบไปทางนั้น แล้วจุดนั้นมันคืออะไร? ..มันก็คือจุดที่พระผู้เป็นเจ้ากำหนดให้เป็นทิศทางในการผินหน้าสำหรับมุสลิมในขณะละหมาดหรือขอวิงวอน

ในเมื่ออิสลามห้ามสร้างวัตถุขึ้นมากราบไหว้แทนพระเจ้า ดังนั้นพระเจ้าจึงให้มุสลิมผินหน้าไปทางจุดที่ถูกกำหนดขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นการกราบ หรือการละหมาด หรือการขอวิงวอน ซึ่งเราเรียกว่าทิศ“กิบลัต” และจุดๆนั้นเองเมื่อลองกางแผนที่ดูแล้วก็จะพบว่ามันช่างเหมาะเหลือเกินที่จะเรียกว่า จุดศูนย์กลางของโลก ดังนั้นไม่ว่ามุสลิมจะอยู่ส่วนใดของโลกก็ตาม เวลาละหมาดเขาก็จะหันหน้าไปยังจุดนี้แหละครับ

หินดำไม่มีอำนาจศักดิ์สิทธิ์แต่ประการใด แต่เผอิญตัวหินดำมันดูมีความพิเศษกว่าหินทั่วไปตรงความประหลาด และ ความเก่าแก่ของมันซึ่งท่านนบีเล่าว่าเป็นหินที่มาจากสวรรค์ (ในบันทึกของอิมามติรมีซีย์และอิมามอิบนุ คุซัยมะฮฺ) และในบันทึกของอิมามติรมีซีย์(นักบันทึกหะดีษท่านหนึ่ง)ยังมีหะดีษที่ท่านนบีได้เล่าว่า หินดำนั้นเดิมทีเป็นสีขาวซึ่งขาวกว่าน้ำนมและเปลี่ยนเป็นสีดำเพราะความผิดบาปของลูกหลานอาดัม (คือมนุษย์ทั้งหลาย) แต่หินดำก็ไม่ได้เป็นสิ่งที่มุสลิมเคารพบูชาแต่อย่างใด ซึ่งมุสลิมเองก็ห้ามไปมีความเชื่อว่าหินดำนั้นมีความขลังหรือมีอำนาจศักดิ์สิทธิ์

การจูบหินดำเป็นสิ่งที่มุสลิมนิยมกระทำเพื่อเป็นการรำลึกถึงท่านนบีว่าหินดำนี้ท่านนบีเคยจูบนะ ท่านอุมัรฺ(สาวกคนหนึ่งของนบีมุฮัมมัด)ได้พูดว่า “โอ้หินดำเอ๋ย ฉันรู้ว่าแกคือหินธรรมดา ไม่ให้โทษและไม่ให้คุณ ถ้าท่านศาสนทูต(นบีมุฮัมมัด)ไม่จูบฉันก็จะไม่จูบแกเลย” (บันทึกของอิมามบุคอรีย์และอิมามมุสลิม) นอกจากนั้นแล้วยังมีประวัติว่าท่านนบีเคยใช้ให้ท่านบิลาล(สาวกคนหนึ่ง) ขึ้นไปยืนอะซาน (ขับร้องประกาศเชิญชวนคนมาละหมาด) บนอาคารกะบะฮฺ นั่นหมายความว่าทั้งกะบะฮฺและหินดำไม่ใช่สิ่งที่มุสลิมเคารพบูชาครับ เพราะไม่มีวัตถุใดหรอกนะครับที่คนซึ่งเคารพบูชาจะกล้าขึ้นไปยืนเหยียบ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น