ตามบัญญัติของอัลลอฮฺได้ทรงกำหนดว่า เมื่อผู้หญิงมีประจำเดือนครั้งแรก ถือเป็นสัญญาณของการบรรลุศาสนภาวะ หมายถึง บุคคลนั้นต้องปฏิบัติตามบทบัญญัติของศาสนา ทั้งหลักการใหญ่ เช่น การละหมาด การถือศีลอด การจ่ายซะกาตและการทำฮัจญ์ รวมถึงหลักการปลีกย่อย เช่น การคลุมฮิญาบและแต่งกายให้มิดชิดเรียบร้อย หากไม่ปฏิบัติตามถือว่ามีความผิด
การคลุมฮิญาบมิได้ถูกกำหนดแก่วัยที่ยังไม่บรรลุศาสนภาวะอาจมีบางคนที่เห็นเด็กเล็กๆ คลุมฮิญาบนั้นเพื่อเป็นการฝึกให้เด็กปฏิบัติด้วยความเคยชิน ไม่ขัดเขิน แต่ถ้าไม่คลุมก็ไม่ถือเป็นบาป ตรงกันข้ามกับสตรีผู้ศรัทธาที่บรรลุศาสนภาวะแล้ว หากไม่คลุมฮิญาบและแต่งกายปกปิดให้มิดชิด หรือปกปิดมิดชิดเพียงบางกรณีหรือไม่ปกปิดครบถ้วนตามที่ศาสนากำหนด เหล่านี้ถือว่ามีความผิดสตรีบางคนที่ยังแต่งกายไม่ถูกต้องสอดคล้องกับหลักการ อาจเพราะความไม่รู้หรือไม่เข้าใจ ซึ่งจำเป็นต้องศึกษา ส่วนบางคนที่รู้แต่ยังฝืนหลักการก็ต้องปรับปรุงตนเอง
อัลลอฮฺทรงกำหนดให้สตรีผู้ศรัทธาต้องคลุมฮิญาบและแต่งกายเรียบร้อยก่อนออกนอกบ้าน หรือเมื่ออยู่ร่วมกับเพศตรงข้ามที่ไม่ใช่มะหฺรอม แม้ในบ้านของตนเอง ก็จำเป็นต้องคลุมฮิญาบให้มิดชิดเรียบร้อย
สำหรับมะหฺรอม สตรีผู้ศรัทธาต้องปกปิดร่างกายให้เรียบร้อยและเปิดเผยเท่าที่จำเป็น เช่น ใส่เสื้อแขนสั้นหรือถอดฮิญาบเพื่อความสะดวกในการทำงานบ้าน เฉพาะสำหรับสามีเท่านั้นที่อนุญาต (หะลาล) ในการเปิดเผยอวัยวะทุกส่วน
สำหรับสตรีผู้ศรัทธาด้วยกันนั้น สามารถเปิดเผยอวัยวะบางส่วนได้ เช่น เส้นผม ลำคอ แขน ขา แม้ว่าจะเป็นคนแปลกหน้าก็ตามโดยทรรศนะของนักปราชญ์ส่วนมากบอกว่าขอบเขตที่ห้ามเปิดเผยคือ ตั้งแต่สะดือถึงหัวเข่า (คลุมหัวเข่า) แต่ในส่วนที่เปิดเผยต้องไม่ก่อให้เกิดฟิตนะฮฺ
สำหรับสตรีที่ไม่ใช่มุสลิม มีทรรศนะของนักปราชญ์มุสลิมบางคนบอกว่าต้องปกปิดเช่นเดียวกับเมื่ออยู่กับคนที่ไม่ใช่มะหฺรอมแต่อีกทรรศนะหนึ่งบอกว่า สามารถเปิดเผยบางส่วนได้ โดยที่ตนเองต้องมั่นใจว่าเป็นบุคคลที่น่าไว้วางใจ ไม่เปิดเผยความลับต่อสาธารณชน
นอกจากนี้ อนุญาติให้สตรีผู้ศรัทธาเปิดเผยอวัยวะบางส่วนต่อหน้าเด็กที่ยังไม่บรรลุศาสนภาวะ แต่สำหรับเด็กที่ยังไม่บรรลุศาสนภาวะแต่รู้เรื่องแล้ว (ประมาณ 5-7 ขวบ) ต้องคลุมฮิญาบต่อหน้าเพราะเด็กอาจนำไปพูดกับผู้ชายอื่นๆ แม้จะไม่ตั้งใจหรือมีโอกาสน้อยก็ตาม อิสลามแนะนำให้สตรีผู้ศรัทธาปกป้องตนเองไว้ก่อนที่จะเกิดปัญหาตามมา
*นักปราชญ์มุสลิมบางท่านเห็นว่า เมื่ออยู่ในหมู่มุสลิมะฮฺด้วย การสวมเสื้อผ้าที่บาง รัดรูป หรือเสื้อผ้าที่เปิดเผยเรือนร่างบางส่วน เช่น เสื้อแขนกุด กางเกงฟิตๆ ก็อาจก่อให้เกิดฟิตนะฮฺได้ จึงจำเป็นต้องหลีกเลี่ยง*
มีผู้หญิงหลายคน เลือกที่จะปล่อยตัวกระเซอะกระเซิงเมื่อบ้านกับสามี แต่แต่งองค์ทรงเครื่องอย่างสุดฤทธิ์เพื่อออกไป “สวยสาธารณะ” ให้ผู้ชายตามท้องถนนได้ชื่นชม กระพือไฟแห่งตัณหาราคะของพวกเขา และติดตามมาด้วยปัญหาสังคมนานับประการ
แต่อิสลามสอนให้สตรีอยู่บ้านกับสามี สร้างชีวิตชีวาให้ครอบครัว การแต่งกายสวยงามเพื่อกันและกันเปรียบเสมือนการสร้างสรรค์ในบ้าน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการเอาใจใส่ ทำให้เกิดความพึงพอใจและเพียงพอแล้วแก่กัน สามีเห็นภรยาสวยที่สุดตอนอยู่ในบ้านเมื่อออกนอกบ้านก็ไม่มองคนอื่น แต่ถ้าไม่เห็นภรรยาสวยในบ้านก็อาจต้องไปมองหาข้างนอก ก่อให้เกิดปัญหา มีกิ๊ก มีชู้ ปัญหาครอบครัว และปัญหาอื่นๆ ตามมา
เสมือนผลส้มที่แม่ค้าปอกเปลือกโชว์สีสดใสยั่วให้ลูกค้าเข้าร้าน บางร้านแกะกลีบให้ชิมฟรีเสียด้วยซ้ำ ผลส้มที่ถูกปอกเปลือกโชว์นี้เรียกความสนใจจากลูกค้าได้ก็จริง แต่สุดท้าย...ส้มที่ถูกเลือก็เป็นผลที่ยังไม่ได้ปอกเปลือกเสมอ
การคลุมฮิญาบมิได้ถูกกำหนดแก่วัยที่ยังไม่บรรลุศาสนภาวะอาจมีบางคนที่เห็นเด็กเล็กๆ คลุมฮิญาบนั้นเพื่อเป็นการฝึกให้เด็กปฏิบัติด้วยความเคยชิน ไม่ขัดเขิน แต่ถ้าไม่คลุมก็ไม่ถือเป็นบาป ตรงกันข้ามกับสตรีผู้ศรัทธาที่บรรลุศาสนภาวะแล้ว หากไม่คลุมฮิญาบและแต่งกายปกปิดให้มิดชิด หรือปกปิดมิดชิดเพียงบางกรณีหรือไม่ปกปิดครบถ้วนตามที่ศาสนากำหนด เหล่านี้ถือว่ามีความผิดสตรีบางคนที่ยังแต่งกายไม่ถูกต้องสอดคล้องกับหลักการ อาจเพราะความไม่รู้หรือไม่เข้าใจ ซึ่งจำเป็นต้องศึกษา ส่วนบางคนที่รู้แต่ยังฝืนหลักการก็ต้องปรับปรุงตนเอง
อัลลอฮฺทรงกำหนดให้สตรีผู้ศรัทธาต้องคลุมฮิญาบและแต่งกายเรียบร้อยก่อนออกนอกบ้าน หรือเมื่ออยู่ร่วมกับเพศตรงข้ามที่ไม่ใช่มะหฺรอม แม้ในบ้านของตนเอง ก็จำเป็นต้องคลุมฮิญาบให้มิดชิดเรียบร้อย
สำหรับมะหฺรอม สตรีผู้ศรัทธาต้องปกปิดร่างกายให้เรียบร้อยและเปิดเผยเท่าที่จำเป็น เช่น ใส่เสื้อแขนสั้นหรือถอดฮิญาบเพื่อความสะดวกในการทำงานบ้าน เฉพาะสำหรับสามีเท่านั้นที่อนุญาต (หะลาล) ในการเปิดเผยอวัยวะทุกส่วน
สำหรับสตรีผู้ศรัทธาด้วยกันนั้น สามารถเปิดเผยอวัยวะบางส่วนได้ เช่น เส้นผม ลำคอ แขน ขา แม้ว่าจะเป็นคนแปลกหน้าก็ตามโดยทรรศนะของนักปราชญ์ส่วนมากบอกว่าขอบเขตที่ห้ามเปิดเผยคือ ตั้งแต่สะดือถึงหัวเข่า (คลุมหัวเข่า) แต่ในส่วนที่เปิดเผยต้องไม่ก่อให้เกิดฟิตนะฮฺ
สำหรับสตรีที่ไม่ใช่มุสลิม มีทรรศนะของนักปราชญ์มุสลิมบางคนบอกว่าต้องปกปิดเช่นเดียวกับเมื่ออยู่กับคนที่ไม่ใช่มะหฺรอมแต่อีกทรรศนะหนึ่งบอกว่า สามารถเปิดเผยบางส่วนได้ โดยที่ตนเองต้องมั่นใจว่าเป็นบุคคลที่น่าไว้วางใจ ไม่เปิดเผยความลับต่อสาธารณชน
นอกจากนี้ อนุญาติให้สตรีผู้ศรัทธาเปิดเผยอวัยวะบางส่วนต่อหน้าเด็กที่ยังไม่บรรลุศาสนภาวะ แต่สำหรับเด็กที่ยังไม่บรรลุศาสนภาวะแต่รู้เรื่องแล้ว (ประมาณ 5-7 ขวบ) ต้องคลุมฮิญาบต่อหน้าเพราะเด็กอาจนำไปพูดกับผู้ชายอื่นๆ แม้จะไม่ตั้งใจหรือมีโอกาสน้อยก็ตาม อิสลามแนะนำให้สตรีผู้ศรัทธาปกป้องตนเองไว้ก่อนที่จะเกิดปัญหาตามมา
*นักปราชญ์มุสลิมบางท่านเห็นว่า เมื่ออยู่ในหมู่มุสลิมะฮฺด้วย การสวมเสื้อผ้าที่บาง รัดรูป หรือเสื้อผ้าที่เปิดเผยเรือนร่างบางส่วน เช่น เสื้อแขนกุด กางเกงฟิตๆ ก็อาจก่อให้เกิดฟิตนะฮฺได้ จึงจำเป็นต้องหลีกเลี่ยง*
มีผู้หญิงหลายคน เลือกที่จะปล่อยตัวกระเซอะกระเซิงเมื่อบ้านกับสามี แต่แต่งองค์ทรงเครื่องอย่างสุดฤทธิ์เพื่อออกไป “สวยสาธารณะ” ให้ผู้ชายตามท้องถนนได้ชื่นชม กระพือไฟแห่งตัณหาราคะของพวกเขา และติดตามมาด้วยปัญหาสังคมนานับประการ
แต่อิสลามสอนให้สตรีอยู่บ้านกับสามี สร้างชีวิตชีวาให้ครอบครัว การแต่งกายสวยงามเพื่อกันและกันเปรียบเสมือนการสร้างสรรค์ในบ้าน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการเอาใจใส่ ทำให้เกิดความพึงพอใจและเพียงพอแล้วแก่กัน สามีเห็นภรยาสวยที่สุดตอนอยู่ในบ้านเมื่อออกนอกบ้านก็ไม่มองคนอื่น แต่ถ้าไม่เห็นภรรยาสวยในบ้านก็อาจต้องไปมองหาข้างนอก ก่อให้เกิดปัญหา มีกิ๊ก มีชู้ ปัญหาครอบครัว และปัญหาอื่นๆ ตามมา
เสมือนผลส้มที่แม่ค้าปอกเปลือกโชว์สีสดใสยั่วให้ลูกค้าเข้าร้าน บางร้านแกะกลีบให้ชิมฟรีเสียด้วยซ้ำ ผลส้มที่ถูกปอกเปลือกโชว์นี้เรียกความสนใจจากลูกค้าได้ก็จริง แต่สุดท้าย...ส้มที่ถูกเลือก็เป็นผลที่ยังไม่ได้ปอกเปลือกเสมอ
ข้อเท็จจริง
- จริงหรือ? เมื่อบางสิ่งที่ถูกยอมรับจากคนส่วนใหญ่
....แล้วมันคือสิ่งที่ถูกต้องเสมอ
- จริงหรือ? เมื่อคนส่วนใหญ่ไม่ยอมรับบางสิ่ง
....แล้วมันต้องเป็นสิ่งที่ผิดเสมอเช่นกัน
ขอให้คุณลองอ่านสถิติข้างล่าง
แล้วย้อนกลับมาถามตัวเองดูว่า
....มันจริงหรือ?
# อวัยวะที่ผู้ชายอยากให้แฟนทำศัลยกรรมมากที่สุด คือ ใบหน้า
# เยาวชนไทย 73.11% มองสื่อลามกที่มีอยู่ในปัจจุบันเป็นเรื่องธรรมดา
# คนไทย 72.15% คิดว่าสังคมไทยควรเปิดกว้างเรื่องเพศศึกษา
# วัยรุ่น 70.26% คิดว่าการแสดงความรักในที่สาธารณะเป็นสิทธิส่วนบุคคล
# วัยรุ่นถึง 38.98% เห็นว่าการเสียตัวให้คนรักในวันวาเลนไทน์เป็นเรื่องที่ไม่เสียหาย
# ในวันวาเลนไทน์ ร้านสะดวกซื้อ 67.24% มีผลการจำหน่ายถุงยางอนามัยดีขึ้น ร้านขายยา 55.34% มีผลการจำหน่ายยาคุมกำเนิดหรือยาป้องกันการตั้งครรภ์ดีขึ้น และ 53.15% ของธุรกิจโรงแรมมีผู้เข้าใช้บริการมากขึ้น
[ที่มา : สวนดุสิตโพล]
# คนส่วนใหญ่ (ที่ไม่ใช่มุสลิม) เห็นว่าการคลุมฮิญาบเป็นการกดขี่ทางเพศ
# คนส่วนน้อย (มุสลิม) เห็นว่าการคลุมฮิญาบเป็นการปกป้องตัวเอง
- จริงหรือ? เมื่อบางสิ่งที่ถูกยอมรับจากคนส่วนใหญ่
....แล้วมันคือสิ่งที่ถูกต้องเสมอ
- จริงหรือ? เมื่อคนส่วนใหญ่ไม่ยอมรับบางสิ่ง
....แล้วมันต้องเป็นสิ่งที่ผิดเสมอเช่นกัน
ขอให้คุณลองอ่านสถิติข้างล่าง
แล้วย้อนกลับมาถามตัวเองดูว่า
....มันจริงหรือ?
# อวัยวะที่ผู้ชายอยากให้แฟนทำศัลยกรรมมากที่สุด คือ ใบหน้า
# เยาวชนไทย 73.11% มองสื่อลามกที่มีอยู่ในปัจจุบันเป็นเรื่องธรรมดา
# คนไทย 72.15% คิดว่าสังคมไทยควรเปิดกว้างเรื่องเพศศึกษา
# วัยรุ่น 70.26% คิดว่าการแสดงความรักในที่สาธารณะเป็นสิทธิส่วนบุคคล
# วัยรุ่นถึง 38.98% เห็นว่าการเสียตัวให้คนรักในวันวาเลนไทน์เป็นเรื่องที่ไม่เสียหาย
# ในวันวาเลนไทน์ ร้านสะดวกซื้อ 67.24% มีผลการจำหน่ายถุงยางอนามัยดีขึ้น ร้านขายยา 55.34% มีผลการจำหน่ายยาคุมกำเนิดหรือยาป้องกันการตั้งครรภ์ดีขึ้น และ 53.15% ของธุรกิจโรงแรมมีผู้เข้าใช้บริการมากขึ้น
[ที่มา : สวนดุสิตโพล]
# คนส่วนใหญ่ (ที่ไม่ใช่มุสลิม) เห็นว่าการคลุมฮิญาบเป็นการกดขี่ทางเพศ
# คนส่วนน้อย (มุสลิม) เห็นว่าการคลุมฮิญาบเป็นการปกป้องตัวเอง
เมื่อคุณดูสถิติข้างต้นแล้ว คุณคิดอย่างไรกับผลดังกล่าว?
คุณยอมรับและเห็นว่าสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องปกติใช่ไหม หรือคุณคิดว่าน่าสลดใจจริงๆ ที่นับวันสังคมเริ่มชินชากับสิ่งที่ไร้ศีลธรรมนี้ ในขณะที่ค่านิยมของคนไทยเปลี่ยนไป
ในขณะที่จิตใจและศีลธรรมของคนในสังคมเริ่มเสื่อมลง
เรายังคงแก้ปัญหาเหล่านี้ด้วยการ ..ตั้งตู้ขายถุงยางอนามัย
...ออก พรบ. เด็ก 2546
...ห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี ออกจากบ้านหลังสี่ทุ่มถึงตีสี่
...อนุญาตให้มีโสเภณีถูกกฎหมาย
นี่หรือคือ วิธีการที่ทำให้สังคมของเรามีศีลธรรมมากขึ้น นี่หรือคือ ประเทศที่กำลังจะพัฒนาเยาวชนให้มีจิตใจที่ดีงามขึ้น หากยังคงแก้ไขปัญหากันที่ปลายเหตุ สังคมก็คงยังไม่ได้รับการเยียวยาที่ถูกต้อง เพราะ วิธีการที่ดีที่สุดคือการป้องกันตั้งแต่ต้นเหตุนั่นเอง
คุณยอมรับและเห็นว่าสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องปกติใช่ไหม หรือคุณคิดว่าน่าสลดใจจริงๆ ที่นับวันสังคมเริ่มชินชากับสิ่งที่ไร้ศีลธรรมนี้ ในขณะที่ค่านิยมของคนไทยเปลี่ยนไป
ในขณะที่จิตใจและศีลธรรมของคนในสังคมเริ่มเสื่อมลง
เรายังคงแก้ปัญหาเหล่านี้ด้วยการ ..ตั้งตู้ขายถุงยางอนามัย
...ออก พรบ. เด็ก 2546
...ห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี ออกจากบ้านหลังสี่ทุ่มถึงตีสี่
...อนุญาตให้มีโสเภณีถูกกฎหมาย
นี่หรือคือ วิธีการที่ทำให้สังคมของเรามีศีลธรรมมากขึ้น นี่หรือคือ ประเทศที่กำลังจะพัฒนาเยาวชนให้มีจิตใจที่ดีงามขึ้น หากยังคงแก้ไขปัญหากันที่ปลายเหตุ สังคมก็คงยังไม่ได้รับการเยียวยาที่ถูกต้อง เพราะ วิธีการที่ดีที่สุดคือการป้องกันตั้งแต่ต้นเหตุนั่นเอง
ขอบคุณเนื้อหา อาจารย์มุรีด ทิมะเสน
Present by Muslim Hot Report
Present by Muslim Hot Report
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น