วันศุกร์ที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2554

"มากกว่าผ้าคลุมผม" ทำไมต้องคลุม?

อย่าเพิ่งงงกับข้อความจากคัมภีร์อัลกุรฺอานที่เรายกมาซะยืดยาว เพราะนี่คือกุญแจดอกสำคัญที่จะนำคุณสู่ความเข้าใจในหลักการบางส่วนของอิสลาม ซึ่งเราจะใช้ประกอบการอธิบายในหัวข้อต่อๆ ไป
                คงมีคนจำนวนไม่น้อยที่สงสัยว่า “ทำไมสตรีมุสลิมต้องคลุมฮิญาบและปกปิดมิดชิดนัก” เช่นเดียวกับที่เราก็สงสัยเหมือนกันว่า ทำไมคนบางกลุ่มนิยมสวมใส่เสื้อผ้าน้อยชิ้น ทั้งสายเดี่ยว เกาะอก กระโปรง-กางเกงสั้น กางเกงฟิตๆ และทำไมผู้ชายบางคนจึงแต่งกายด้วยเสื้อผ้ารัดรูป หรือแต่งตัวเลียนแบบผู้หญิง การแต่งกายเช่นนั้นให้ประโยชน์อันใดหรือ??
                คำสั่งของอัลลอฮฺ (พระเจ้า) ล้วนแฝงไว้ด้วยแนวทางแห่งการป้องกัน อิสลามให้เกียรติและยกย่องสตรีอย่างที่สุด เป็นระบอบชีวิตที่เล็งเห็นคุณค่าของสตรีอย่างมาก.. คุณอาจจะเริ่มเกาหัวสงสัยแล้ว งั้นเรามาค้นหาคำตอบไปพร้อมๆ กันเลย
                ข้อความข้างต้นคือคำดำรัสจากอัลลอฮฺ ที่บัญญัติความสำรวมในการวางตัวของสตรีผู้ศรัทธา รวมถึงเรื่องการคลุมฮิญาบแน่นอนว่าทุกส่วนในชีวิตมนุษย์ต้องมีข้อชี้แนะจากอัลกุรฺอานหรือแบบอย่างของท่านนบีมุฮัมมัด
[ขอความสันติและความจำเริญจากอัลลอฮฺจงประสบแด่ท่าน]
                เรากำลังจะบอกว่า “เราคลุมฮิญาบเพราะเป็นคำสั่งจากอัลลอฮฺ”.. เมื่ออัลลอฮฺ พระผู้เป็นเจ้าที่ทรงสร้างคุณขึ้นมาด้วยความเมตตากรุณา ผู้มีกรรมสิทธิ์เหนือชีวิตของคุณ สั่งให้ปฏิบัติสิ่งใดคุณย่อมรักและศรัทธาในคำสั่งนั้นโดยไม่มีข้อแม้
                หากลองเปรียบเทียบกับคนที่มีความรัก “ชี้นกเป็นนกชี้ไม้ก็เป็นไม้” ฝ่ายหนึ่งพูดอะไร บอกอะไร หรือสอนอะไร คุณก็ทำตามอย่างเต็มใจ นั่นเพราะคุณกลัวอีกฝ่ายไม่รักหรือกลัวความรักจะหลุดลอยไปใช่ไหม มุสลิมเราก็คล้ายๆกัน เพียงแต่ความรักของเราเป็นรักที่บริสุทธิ์ ด้วยความรักนี้และด้วยความศรัทธาต่ออัลลอฮฺ เราจึงเชื่อฟังคำบัญชาของพระองค์ แม้สิ่งนั้นจะทำให้เราแตกต่างจากคนอื่นก็ตาม
                ในสมัยก่อนที่ศาสนาอิสลามจะถูกเผยแผ่ (ญาฮิลียะฮฺ) มีการคลุมศีรษะแบบแฟชั่นปัจจุบัน คือ ใช้ผ้าปิดศีรษะแต่เปิดเผยคอและหน้าอก ซึ่งเป็นลักษณะที่อิสลามต้องปฏิวัติ เพราะการแต่งกายเช่นนั้นสร้างฟิตนะฮฺ (ความวุ่นวายปั่นป่วน) ในสังคม... อิสลามมาเพื่อสร้างสังคมที่สงบสุขมั่นคง จึงบัญญัติรูปแบบของฮิญาบที่ถูกต้องและฮิญาบนี้ก็เสมือนเป็นเอกลักษณ์ในการแต่งกายของสตรีมุสลิม เพราะสตรีที่ไม่คลุมฮิญาบนั้นยากที่จะแยกออกจากคนที่ไม่ใช่มุสลิม การคลุมฮิญาบจึงไม่ใช่ธรรมเนียบหรือประเพณีของชาวอาหรับหรือบางกลุ่มชนอย่างที่หลายคนเข้าใจ
ฮิญาบของชายมุสลิม
                หากคุณลองพิจารณาถึงสรีระของชายและหญิง ด้วยสติปัญญาที่ไม่มีอคติ ย่อมเห็นชัดว่าสรีระของผู้หญิงดึงดูดความสนใจเพศตรงข้ามมากกว่าผู้ชาย ดังนั้น เมื่อไม่เท่าเทียมกันในการดึงดูด มาตรการในการปกปิดก็ย่อมแตกต่างกันด้วย
                อัลลอฮฺพระผู้ทรงปรีชาญาณยิ่ง ทรงมีคำสั่งอันรัดกุมถึงเรื่องขอบเขตการแต่งกาย การวางตัวสำรวมตน ตลอดจนมารยาทในการใช้สายตาของผู้ชายว่า
                “และจงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) แก่บรรดามุอฺมิน (ผู้ศรัทธาชาย) ให้พวกเขาลดสายตาของพวกเขาลงต่ำ และให้พวกเขารักษาทวารของพวกเขา นั่นเป็นการบริสุทธิ์ยิ่งแก่พวกเขา แท้จริงอัลลอฮฺทรงรอบรู้สิ่งที่พวกเขากระทำ”
[อัลกุรฺอาน บทที่ 24 (อันนูร) โองการที่ 30]                นี่เป็นคำสั่งที่ใช้ให้บรรดาชายผู้ศรัทธา ลดสายตาลงต่ำคือระงับการมองหญิงแปลกหน้าที่สามารถแต่งงานกันได้ และรักษาทวาร (ซึ่งหมายถึงอวัยวะเพศด้วย) ให้พ้นจากการทำซินาและเปิดเผยสิ่งที่ไม่ควรเปิดเผย ซึ่งขอบเขตอันพึงสงวนของเขาเหล่านั้น คือ ตั้งแต่สะดือถึงหัวเข่า (คลุมหัวเข่า) โดยไม่อนุญาตให้เจตนาเปิดเผยส่วนดังกล่าวต่อหน้าใคร นอกจากภรรยาของตัวเอง ดังคำกล่าวของท่านนบีมุฮัมมัด [ขอความสันติและความจำเริญจากอัลลอฮฺจงประสบแด่ท่าน] ที่กล่าวเตือนสาวกท่านหนึ่งว่า “ท่านไม่รู้หรือว่าขาอ่อนเป็นส่วนที่ต้องปกปิด”
                และท่านยังได้กล่าวเกี่ยวกับการทำซินาว่า “มนุษย์สามารถทำซินาได้ด้วยอวัยวะที่รับความรู้สึกทั้งปวง การมองผู้หญิงอื่นก็ถือเป็นการทำซินาทางสายตา การพูดเกี้ยวพาราสีหรือพูดจาลามกก็เป็นการทำซินาของลิ้น การฟังเสียงผู้หญิงอย่างใจจดใจจ่อก็เป็นการทำซินาของหู และการสัมผัสร่างการของนาง หรือการเดินไปหานางเพื่อวัตถุประสงค์ต้องห้ามก็ถือเป็นการทำซินาของมือและเท้าหลังจากการเริ่มต้นนี้แล้ว อวัยวะเพศก็จะทำให้การทำซินานั้นเป็นผลสำเร็จหรือไม่สำเร็จ”
                ขณะที่ฆาตกรคดีฆ่าข่มขืนต่อเนื่องยอมรับว่า อวัยวะส่วนหนึ่งของผู้หญิงที่เป็นแรงจูงใจให้เขาก่อคดีคือ เส้นผม โดยเฉพาะยามที่มันพลิ้วไหวไปตามแรงลม เช่นเดียวกับเท้า ที่สตรีมุสลิมบางคนไม่เข้าใจว่ามันจะก่อให้เกิดความรู้สึกใดที่เป็นอันตรายได้จนถึงขนาดต้องปิดมันให้มิดชิด แต่เด็กหนุ่มคนหนึ่งยอมรับว่า เขามักเกิดอารมณ์ทางเพศเพื่อได้เห็นนิ้วเท้าของผู้หญิง
                เพราะมาตรฐานของมนุษย์นั้นแตกต่างกันเกินไป ต่างคนก็ต่างเห็นและต่างคิดตามทัศนคติของตนเอง ไม่อาจรู้เห็นในสิ่งที่คนอื่นคิดได้ ฉะนั้นเมื่อต้องการปกป้องตัวเองให้ปลอดภัยอย่างแท้จริงเราจึงจำเป็นต้องยึดเอามาตรฐานของผู้ที่รู้เห็นในความคิดของทุกคนมาเป็นหลัก นั่นคือมาตรฐานของผู้ทรงสร้างมนุษย์... แน่นอน
!! มาตรฐานของอัลลอฮฺ มาตรฐานที่อยู่เหนือกาลเวลา จึงไม่น่าแปลกที่คำบัญญัติกว่า 1,400 ปียังทันสมัยจนถึงปัจจุบัน
                อัลลอฮฺทรงบัญชาใช้ให้ท่านนบีมุฮัมมัด
[ขอความสันติและความจำเริญจากอัลลอฮฺจงประสบแด่ท่าน] บอกแก่สตรีผู้ศรัทธาทั้งหลาย “นั่นเป็นการเหมาะสมกว่าที่นางจะเป็นที่รู้จัก เพื่อที่พวกนางจะไม่ถูกรบกวน” [อ้างอิงจาก (2) หน้า 6]
                หากคุณลองสังเกตผู้หญิงที่แต่งกายมิดชิดด้วยชุดยาวตัวหลวม คลุมฮิญาบยาวปกปิดร่างกาย จะพบว่าพวกเธอไม่ได้ดึงดูดความสนใจเอาซะเลย หนำซ้ำยังถูกมองว่าแต่งตัวไม่ทันสมัยอีก นี่คือสิ่งที่พวกเธอยอมแลกกับการรักษาความบริสุทธิ์สะอาด และป้องกันพฤติกรรมที่อาจก่อความเดือดร้อนแก่เธอ อาทิ การเข้ามาทำความรู้จัก พูดคุย หรือเกี้ยวพาราสี อีกทั้งเพื่อไม่ให้ต่างเพศจินตนาการถึงเธอ เมื่อมองเห็นอวัยวะบางส่วนหรือสรีระของพวกเธอ
                “และให้พวกเธอลดสายตาลงต่ำและรักษาอวัยวะเพศของพวกเธอ”
[อ้างอิงจาก (3)(4) หน้า 6] คุณอาจกำลังสงสัยว่าทั้งสองคำสั่งนี้เกี่ยวข้องกันอย่างไร?
                คุณยอมรับไหมว่า “สายตาเป็นหน้าต่างเปิดเข้าสู่ทั้งความดีและความชั่ว” หากลองพิจารณายามที่คุณใช้สายตาอ่านหนังสือเตรียมสอบ คุณจะพบว่าดวงตาช่างมีประโยชน์เสียนี่กระไร ทำให้อ่านหนังสือได้
                แต่ถ้าคุณใช้สายตาไปในทิศทางตรงกันข้าม เช่น การที่คุณมองชายหนุ่มหน้าตาดี๊ดี รูปร่างสูงโปร่งดูมาดแมนสุดๆ ผิวพรรณสะอาดสะอ้าน แต่งตัวภูมิฐาน ท่าทางสุภาพ นั่นแน่
!! มันสะดุดสายตาคุณจนต้องมองตาค้างใช่ไหมล่ะ แล้วคุณคิดอะไรต่อ อยากรู้จัก อยากเดินไปแกล้งทำผ้าเช็ดหน้าหล่น หรือเดินชนแล้วล้มลงให้ชายหนุ่มประคองคุณไว้ หรือคุณกล้าพอที่จะเดินเข้าไปขอเบอร์โทร
                ทีนี้ ลองมามองกลับกัน หากคุณเป็นผู้หญิงหน้าตาสะสวยรูปร่างสะโอดสะอง แต่งตัวอย่างเปิดเผยเย้ายวนให้ชวนมอง หรืออาจจะแต่งตัวธรรมดาแต่แต่งแต้มทาสีให้สะดุดตาจนชวนพิศหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่เหล่มองจนเหลียวหลัง ถ้าหากมีคนมาใช้สายตามองคุณเช่นเดียวกับที่คุณมองชายหนุ่มคนนั้น คุณจะรู้สึกอย่างไร?? แล้วถ้าชายคนที่กำลังมองคุณนั้น เขาเป็นฆาตกรโรคจิตชอบทำร้ายคนอื่น หรือชอบอนาจารล่ะ คุณจะทำอย่างไร?? พวกเขาคงไม่ทำเพียงแค่ใช้สายตาเกี้ยวพาราสีหรือขอเบอร์โทรศัพท์คุณหรอกคุณคิดอย่างนั้นไหม??
                อิสลามสอนหญิงผู้ศรัทธา ในเรื่องการลดสายตาและการรักษาอวัยวะเพศ เพราะทั้งสองคำสั่งเป็นรั้วปกป้องพวกเธอจากสิ่งเลวร้ายที่เริ่มต้นเกิดจากการมอง หญิงผู้ศรัทธาเลือกที่จะเปิดเผยและตกแต่งความงามขอบตนแต่เฉพาะกับผู้เป็นสามี และเลือกที่จะปิดคลุมความงามนี้จากสายตาของชายอื่น เราเชื่อว่านี่ต่างหากคือคุณค่าที่แท้จริงของผู้หญิง ฮิญาบเป็นเสมือนป้อมปราการที่คอยพิทักษ์และปกป้องพวกเธอให้พ้นจากสิ่งโสมมภายใต้จิตใจของมนุษย์ที่มิอาจหยั่งรู้ได้
                เราขอให้คุณทำความเข้าใจกับประโยค “ให้พวกเธอลดสายตาลงต่ำ” ซึ่งไม่ได้หมายถึง “ต้องก้มหน้ามองพื้น และไม่สนทนากับใครเลย” อิสลามมิได้ปิดกั้นขนาดนั้น หากแต่อนุญาตอยู่ในขอบเขตความจำเป็น เช่น การซื้อขายของ การรักษาพยาบาล ส่วนการใช้สายตาสอดส่ายมองพร่ำเพรื่ออย่างไร้จุดหมาย เพียงหวังเชยชมกลิ่นไอสรรพสิ่งบางอย่างอันไร้สาระบนโลกนี้ นั่นไม่ใช่วิถีแห่งอิสลาม
                อิสลามคือแนวทางที่รัดกุม ป้องกันที่สาเหตุก่อนที่จะวิ่งแก้ไขเมื่อเกิดปัญหา ดังนั้น มุสลิมที่ปฏิบัติตามหลักการของอิสลามนอกจากหวังในความพอพระทัยของอัลลอฮฺแล้ว ยังเป็นการปกป้องตนเองให้ห่างไกลจากความหายนะ ดังเรื่องของการคลุมฮิญาบที่กล่าวมานี้ นอกจากเพื่อความปลอดภัยและรักษาเกียรติของตนเองแล้ว ยังเป็นการสร้างความสงบสุขต่อครอบครัวและสังคมอีกด้วย


ขอบคุณเนื้อหา อาจารย์มุรีด ทิมะเสน
Present by Muslim Hot Report

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น