วันเสาร์ที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2554

"ไม่ให้หญิงมุสลิมคลุมศรีษะ" เพื่อแบบฟอร์มเดียวกันของบริษัท หรือ สนองตันหาและกามรมณ์ของตน(ผู้ชายผู้บริหาร) กันแน่

ณ ปัจจุบัน มีการอ้างกันต่างๆ นานาเกี่ยวกับเรื่องการห้ามผู้หญิงมุสลิม ไม่ให้แต่งกายตามกฎบัญญัติของศาสนาอิสลาม (เรื่องการห้ามไม่ให้คลุมศรีษะ รวมถึงการไม่ค่อยให้การยอมรับเกี่ยวกับการแต่งกายมิดชิด) อะไรคือต้นเหตุ อะไรคือปลายเหตุของการห้าม


เหตุผลว่าทำไมถึงต้องห้าม...คือ ..เหตุผลยอดฮิตที่สุดที่จะได้รับจากผู้บริหารหื่น มุ่งแต่เรื่องกามอารมณ์นั่นก็คือ "เพื่อให้เป็นแบบฟอร์มเดียวกันกับคนอื่น เพื่อให้เกิดความแตกต่างและแตกแยก"


และสิ่งที่ครหานินทากลับมานั่นก็คือ "การที่บังคับให้ผู้หญิงมุสลิมคลุมศรีษะนั้นเป็นการละเมิดทางเพศ" ..ช่างพูดได้เหลือเกินนะพวกงี่เง้า....
-ทำไมถึงคิดกันเช่นนั้น?
-ทำไมต้องมาละเมิดสิทธิ์ในความเชื่อของศาสนาอิสลาม? ในเมื่อศาสนาอิสลามเราไม่เคยเข้าไปละเมิดสิทธิ์ในความเชื่อของศาสนาอื่น อีกทั้งเรายังขอแยกการปฏิบัติว่าของศาสนาอื่นเค้าก็ปฏิบัติกันไปตามศาสนาของเค้า ส่วนเราๆ ก็ปฏิบัติของเราไป
-ทำไมต้องสงสัยในความเชื่อของอิสลาม? ในเมื่ออิสลามไม่เคยสงสัยความเชื่อของศาสนาอื่น

สำหรับประเทศไทย..รัฐบาลหรือหน่วยงานทางภาครัฐไม่เคยมีกฎหมายเกี่ยวกับการห้ามดังกล่าว แต่ก็ยังมีบางสถานที่ที่เป็นหน่วยงานของรัฐบาลที่สั่งห้ามไม่ให้บุคลากรในหน่วยงานแต่งตัวตามแบบแผนของศาสนาอิสลาม เช่น วิทยาลัยเทคนิคบางแห่งของภาคใต้ตอนบน(เกิดจากความเป็นจริงผู้ที่เกี่ยวขอความกรุณาตรวจสอบด้วยนะครับ)

คำถาม?
ว่าทำไมต้องห้าม?
เหตุผลที่ห้ามดีพอแล้วหรือยัง?
คุณห้ามเพราะตันหา หรือ กามอารมณ์ของผู้บริหารหรือป่าว?
สิ่งที่คุณชอบและโปรดปรานคือการแต่งกายโชว์อวัยวะเพศอย่างนั้นหรือ?
แล้วปัญหาอาชญากรรมที่เกิดขึ้น ที่เกี่ยวกับการละเมิดทางเพศที่คุณต้องการแก้ไขอยู่ คุณยังใฝ่ฝันอยู่ใช่หรือไม่?


ถ้าคุณยังมีวัฒนธรรมการอยากเห็นผู้หญิงแต่งกายสวยงาม เปิดส่วนเว้าส่วนโว้ง ส่วนที่ดึงดูดความต้องการทางเพศอยู่ พวกคุณๆ ที่อวดตัวเองว่าฉลาดเป็นคนมีความรู้ความสามารถ..อย่าหวังเลยว่าปัญหาทางสังคมด้านอาชญากรรมเกี่ยวกับการละเมิดทางเพศจะหมดไป

ด้วยเหตุดังกล่าว...นั่นแหละที่ อิสลามต้องสั่งให้ผู้หญิงคุมศรีษะ แต่งกายมิดชิด เพราะหลักการของอิสลามได้คำนึงเห็นถึงการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นตรงต้นเหตุของปัญหาเรียบร้อยแล้ว ไม่ใช่ว่าเกิดเหตุแต่ละครั้ง แต่ละอย่างก็มัวแต่จะตามแก้ไขปัญหากันตรงที่ปลายเหตุ แล้วเมื่อไหร่ล่ะครับ? ปัญหาที่เราต้องการแก้ไขมันจะหมดไปในเมื่อเราเองยังสนับสนุนให้ผู้ที่ทำผิดได้กระทำกันต่อไป ยังเปิดโอกาสหรือช่องทางที่จะให้คนทำผิดสามารถเดินทางเข้าไปได้ มันไม่ต่างอะไรกับการที่เราตำน้ำพริกละลายมหาสมุทรหรอกครับ (ถ้ากระทำกันในเรื่องของการแก้ไขปัญหากันเหมือนกับที่ทำอยู่ในปัจจุบันนี้อย่าทำดีกว่าครับ...เพราะ..มันไร้ประประโยชน์)


สำหรับ หญิงมุสลิมเอง ก็ใช่ว่าจะไม่พูดถึง...
เคยบ้างไหม..ที่จะคิดรณรงค์ให้เพื่อนกลุ่มสตรีด้วยกันหันมาคลุมศรีษะ?

เคยบ้างไหม..ที่จะคิดรณรงค์ให้เพื่อนกลุ่มสตรีด้วยกันหันมาแต่งกายมิดชิด?
เคยบ้างไหม..ที่จะคิดออกเสียง ขอสิทธิ์ความเป็นธรรมจากเจ้านายหรือสังคมในการที่จะแต่งกายให้ถูกต้องตามหลักศาสนา ตามบทบัญญัติของศาสนาที่พระองค์อัลลฮฺ (ซ.บ.) ได้ทรงลงมาให้พวกท่านได้ปฏิบัติตาม?

แล้วคุณล่ะวันนี้ได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติของศาสนาแล้วหรือยัง?
ได้ตักวาต่ออัลลอฮฺ (ซ.บ.) แล้วหรือยัง?
ได้ให้ความสนใจที่จะศึกษาเกี่ยวกับศาสนาอิสลามอันเป็นแนวทางที่คุณเลือกที่จะอยู่ คุณเลือกที่จะศรัทธา คุณเลือกที่จะปฏิบัติในร่องในรอยของอัลอิสลามของอัลลอฮฺ (ซ.บ.) แล้วหรือยัง?
และที่สำคัญ คือ คุณได้ทำเพื่อศาสนาของอัลลอฮฺบ้างหรือยัง?

ถ้าคุณยังไม่ได้ทำ..และคุณก็ยังมีความต้องการที่ตั้งใจจริง ที่แน่วแน่ที่จะอยู่กับแนวทางที่อัลลอฮฺให้การรับรอง มันถึงเวลาแล้วนะครับที่คุณต้องหันมาทางแห่งความจริง ทางที่คุณควรกระทำตาม ก่อนที่คุณจะไม่มีโอกาสได้ทำอีกต่อไป

ขอพระองค์อัลลอฮฺได้คุ้มครองกลุ่มคนที่ศรัทธาด้วยเถิด


ยากไหมครับที่จะแต่งแบบนี้ (สิ่งที่ยากกว่านั่นก็คือ การทำจิตใจให้สะอาดเหมือนการแต่งกายมากกว่านะครับ)



present by muslimhotreport.
http://muslimhotreport.blogspot.com/

2 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ1 เมษายน 2554 เวลา 13:36

    ประเทศไทยไม่ค่อยมีการห้ามแต่ก็ไม่มีการใส่กัน..ไม่รู้ว่าหมายความว่าไงเนอะ

    ตอบลบ
  2. ไม่ระบุชื่อ1 เมษายน 2554 เวลา 13:38

    มันไม่ใช่สิ่งที่เป็นเครื่องหมายทางศาสนาอย่างเดียว..แต่มันมีนัยสำคัญมากกว่านั้น และมีประโยชน์มากกว่าที่คิด ทั้งในด้านสังคมและตัวของผู้ที่ปฏิบัติตามเองนะ

    ตอบลบ