หากจะกล่าวถึงชีวิตคู่คงปฏิเสธไม่กล่าวถึงการสร้างความรักความพึงพอใจให้ระหว่างบุคคลทั้งสองคนไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสามีภรรยาที่อยู่ด้วยกันมาหลายปีย่อมจะต้องกระทบกระทั่งกันบ้างเป็นเรื่องธรรมดา แต่ที่ไม่ธรรมดาคือ ภรรยาสร้างความพึงพอใจให้แก่สามีอยู่เนืองๆ จนสามีรู้สึกถึงความปิติ ความสุขในชีวิตคู่ของตน แนวทางการครองเรือนนี้ภรรยา (มือสมัครเล่น) มองข้ามและไม่ค่อยให้ความสนใจเท่าที่ควรนัก ไม่รู้ว่าเป็นเพราะสาเหตุใดเหมือนกัน ลองพิจารณาหลักคำสอบของอิสลามดูก็ได้ว่า “ครั้งหนึ่งท่านรสูลุลลอฮฺ ซล. เห็นสตรีท่านหนึ่ง จากนั้นท่านรสูลก็กลับมาหาภรรยาของท่านคือ ท่านหญิงซัยนับ ซึ่งขณะนั้นนางกำลังถูแผ่นหนังที่ถูกฟอกอยู่ แล้วท่านรสูลก็ร่วมธุระกับนาง (หมายถึงร่วมหลับนอนกัน)”
ภรรยา (มืออาชีพ) เห็นหรือไม่ว่า ท่านหญิงซัยนันซึ่งเป็นภรรยาคนหนึ่งของท่านนบีมุหัมมัด ซล. กำลังถูแห่นหนัง (ที่ถูกฟอก) อยู่ที่บ้านพิจารณาดูเถิดว่านางกำลังทำงานของนางในสภาพที่ต้องรีบทำงานนั้นให้เสร็จ แต่พอท่านนบีมุหัมมัด ซล. ปรารถนาที่จะร่วมหลับนอนกับนาง นางซัยนับมิได้อ้อยอิ่งหรือบ่ายเบี่ยงว่า ยังไม่พร้อมกำลังทำงานอยู่ หรือกำลังยุ่งอยู่กับงาน รอให้เสร็จงานก็แล้วกัน ท่านหญิงซัยนับไม่บ่ายเบี่ยงแต่ยินดีที่จะปรนนิบัติสามีสุดที่รักของนาง แม้ว่านางจะอยู่ในสภาพใดก็ตามเถอะ แต่การเอกอกเอาใจสามีนั้นคือความสุดยอดที่อยู่ในจิตสำนึกของภรรยา (มืออาชีพ) ทุกคนอยู่แล้ว
อีกตัวอย่างหนึ่งของการเอาอกเอาใจสามี ท่านรสูลุลลอฮฺ ซล. กล่าวว่า “เมื่อสามีเรียกภรรยาเพื่อร่วมหลับนอนกับนาง แต่นางบ่ายเบี่ยง (ปฏิเสธการเชิญชวนของสามี), (การกระทำข้างต้นส่งผลทำให้) สามีนอนในสภาพที่โกรธเคืองนาง เช่นนี้มลาอีกะฮฺ (ทูตสวรรค์) จะสาปแช่ง นางจนกระทั่งรุ่งเช้า”
นี่คือสัจธรรมของชีวิตจริงๆ ผู้อ่านเคยพบแนวทางอื่นสอนเช่นนี้หรือไม่? คำตอบที่ได้คงไม่พบหรอก ยกเว้นอิสลามเท่านั้นที่สอนแนวทางแห่งการเอาใจสามีของภรรยา นั้นคือสิ่งสุดยอดสำหรับบรรดาภรรยาทุกคนที่จะเพิกเฉยหรือละเลยไม่ได้ จริงอยู่ บางครั้งภรรยาอาจจะไม่มีอารมณ์ทางเพศ แต่สามีกำลังมีอารมณ์ทางเพศ เช่นนี้ภรรยาจะต้องแสดงออกถึงความยินดีจะร่วมหลับนอนกับสามี เพราะนั่นคือหน้าที่ของภรรยาว่าด้วยการเอาอกเอาใจเขานั่นเอง ทว่า หากภรรยาคนใดไม่พร้อม หรือมีสาเหตุจำเป็นก็อธิบายให้แก่สามีได้ฟังด้วยเหตุด้วยผล สามีจะได้ไม่โกรธ ตัวอย่างเช่น ตนเองไม่ค่อยสบาย หรือวันนี้ทำงานบ้านเหนื่อยมาก ต้องการพักผ่อน เอาไว้พรุ่งนี้ก็แล้วกัน ทำนองนี้เป็นต้น เพราะหากสามีโกรธภายหลังภรรยาปฏิเสธการร่วมหลับนอนกับตน จะส่งผลทำให้มลาอิกะฮฺขออุดาสาปแช่งแก่ภรรยาผู้นั้น
อีกตัวอย่างหนึ่ง ท่านรสูลุลลอฮฺ ซล. กล่าวว่า “ไม่อนุญาตให้พรรยาถือศีลอด (สุนนะฮฺ) ขณะสามีของนางอยู่ (บ้าน) นอกจากจะได้รับอนุญาติจากสามีเสียก่อน (ส่วนกรณีการศีลอดฟัรฺฎูไม่ต้องขออนุญาตจากสามี)”
ด้วยหลักแห่งการเอาอกเอาใจสามีนี่เอง ศาสนายังระบุไว้ด้วยว่าแม้ภรรยาตั้งใจจะถือศีลอดสุนนะฮฺ แต่วันนั้นสามีไม่ไปทำงาน ถึงแม้ว่านางตั้งใจไว้แล้วก็เถอะ แต่ศาสนาก็สั่งใช้ให้ไปขออนุญาตสามีก่อนเพราะอะไรจึงทำเช่นนั้น? ก็เพราะวันนั้นภรรยะได้เอาอกเอาใจสามีอย่างเต็มที่ ซึ่งก็คงไม่มีบุคคลใดทราบได้ว่า บางครั้งการเอาอกเอาใจสามีทำให้เขามีความต้องการร่วมหลับนอนด้วย หากนางถือศีลอดอยู่ก็จะเป็นอุปสรรคยับยั้งการร่วมหลับนอนของบุคคลทั้งสอง นี่แหละคืออิสลาม วันนี้ภรรยา (มืออาชีพ) ไม่เอาอกเอาใจสามีคงไม่ได้แล้ว ซึ่งหากภรรยาคนใดไม่ให้ความสำคัญต่อเรื่องดังกล่าว ภรรยาผู้นั้นถูกลดตำแหน่งเหลือเพียง “ภรรยามือสมัครเล่น” คงไม่ดีเป็นแน่
ขอบคุณเนื้อหา อาจารย์มุรีด ทิมะเสน
Present by Muslim Hot Report
http://muslimhotreport.blogspot.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น