วันจันทร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

"กุนูตในนมาซศุบหฺทำไม?"

กุนูตในนมาซศุบหฺทำไม?

โดย อ.มุรีด ทิมะเสน


ความจริงปัญหาการดุอาอ์กุนูตซึ่งกระทำเป็นประจำทุกๆ นมาซศุบหฺนั้น ถือว่าเป็นเรื่องที่มีการโต้เถียงกันอย่างกว้างขวางในอดีต แต่ทำไมผู้เขียนจึงหยิบยกขึ้นมาเขียนอีกละ? ก็เนื่องจากว่ายังมีพี่น้องมุสลิมถามผู้เขียนอย่างต่อเนื่อง ใช่แต่เท่านั้นยังมีนักวิชาการบางท่านยังติดใจอยู่ว่า เมื่อไม่อ่านดุอาอ์กุนูตในนมาซศุบหฺแล้วไปตำหนิพี่น้องมุสลิมบางกลุ่มที่พวกเขาดุอาอ์กุนูตในนมาซศุบหฺทำไม? เมื่อเป็นเช่นนั้น ผมจึงต้องทำหน้าที่รวบรวมข้อมูลต่างๆ มาเขียนเพื่อทำความเข้าใจให้แก่พี่น้องมุสลิมของเราอีกครั้งหนึ่ง ทั้งนี้ทำให้ผู้ที่ไม่อ่านดุอาอ์กุนูตในนมาซศุบหฺนั้นได้มั่นใจว่าตนเองกระทำถูกต้องตามแบบฉบับของท่านนบีมุหัมมัดแล้ว  และยังทำให้ผู้ที่ยังอ่านดุอาอ์กุนูตในนมาซศุบหฺได้วิเคราะห์ว่าเมื่อตนเองปฏิบัติในเรื่องที่เป็นศาสนา เขาจำเป็นจะต้องมีหลักฐานจากอัลกุรฺอาน หรือหะดีษมายืนยันการกระทำของตน แต่ถ้าไม่มีหลักฐานมายืนยันนั่นก็หมายรวมว่า เขาจำเป็นจะต้องละทิ้งสิ่งนั้นอย่างสิ้นเชิง  เพราะผู้เขียนเชื่อว่าคงไม่มีใครเลือกตามอารมณ์ของตนเองมากกว่าเลือกตามหลักฐานจากอัลกุรฺอานและหะดีษของท่านนบีมุหัมมัดอย่างแน่นอน, ฉะนั้นเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าวมีรายละเอียดดั่งนี้

ประเด็นแรก  ต้องตั้งคำถามก่อนว่าท่านนบีมุหัมมัดเคยดุอาอ์กุนูตขณะนมาซศุบหฺหรือไม่? คำตอบคือ ท่านนบีมุหัมมัดเคยดุอาอ์กุนูตในนมาซศุบหฺ ดั่งหลักฐานจากท่านอนัสเล่าว่า แท้จริงท่านรสุลุลอฮฺกุนูต (เป็นระยะเวลา) หนึ่งเดือน โดยขอดุอาอ์เพื่อให้พระองค์อัลลอฮฺทรงลงโทษกลุ่มคนหนึ่ง ซึ่งพวกเขาสังหารกลุ่มคนหนึ่ง (หมายถึงสังหารบรรดาเศาะหาบะฮฺที่ท่องจำอัลกุรฺอาน) (บันทึกโดยบุคอรีย์ และมุสลิม)

ท่านอบูฮุร็อยเราะฮฺเล่าว่า ฉันใกล้ชิดมากกว่าพวกท่านเกี่ยวกับการนมาซของท่านรสูลุลลอฮฺ ซึ่งปรากฏว่าท่านอบูฮุร็อยเราะฮฺกุนูตในร็อกอะฮฺ (สุดท้าย) ของนมาซศุบหฺ

สรุปคือ ท่านรสูลุลลอฮฺเคยดุอาอ์กุนูตในนมาซศุบหฺ โดยท่านรสูลขอดุอาอ์กุนูตประมาณหนึ่งเดือน โดยขอดุอาอ์กุนูตในทุกๆ เวลานมาซฟัรฺฎู รวมถึงนมาซศุบหฺด้วย สาเหตุเนื่องจากคนกลุ่มหนึ่งได้สังหารบรรดาเศาะหาบะฮฺที่ท่องจำอัลกุรฺอานได้ทั้งเล่ม โดยที่ท่านรสูลเป็นผู้ส่งพวกเขาไปยังชนกลุ่มนั้น แล้วท่านรสูลก็ขอดุอาอ์นาซิละฮฺ (ขอดุอาอ์ให้พระองค์อัลลอฮฺทรงลงโทษ) พวกเขาประมาณหนึ่งเดือน ดั่งรายงานจากท่านอิมามบุคอรีย์ และอิมามมุสลิมระบุว่า قنت رسول الله صلى الله عليه وسلم شهرا حين قتل القراء فما رأيت رسول الله صلى الله عليه وسلم حزن حزنا قط أشد منه    ความว่า ท่านรสูลุลลอฮฺดุอาอ์กุนูตประมาณ 1 เดือน (สาเหตุเนื่องจาก) นักท่องจำอัลกุรฺอานถูกสังหาร ซึ่งฉัน (หมายถึงผู้รายงานหะดีษ) ไม่เคยเห็นท่านรสูลุลลอฮฺโศกเศร้าเสียใจครั้งใคที่รุนแรงมากไปกว่าครั้งนั้นเลย  จากนั้นท่านรสูลก็ละทิ้งการดุอาอ์กุนูตดังกล่าว  ซึ่งดุอาอ์ดังกล่าวเรียกว่า ดุอาอ์กุนูตนาซิละฮฺ นั่นเอง

ท่านอนัสเล่าว่า فدعا النبي صلى الله عليه وسلم شهرا في صلاة الغداة   ความว่า ท่านนบีมุหัมมัดดุอาอ์ (กุนูตเป็นระยะเวลา) หนึ่งเดือนในนมาซศุบหฺ (บันทึกโดยบุคอรีย์ และมุสลิม)

ประเด็นที่สอง  ท่านรสูลุลลอฮฺเคยดุอาอ์กุนูตเฉพาะนมาซศุบหฺหรือไม่ ภายหลังที่เคยขอดาอ์กุนูตนาซิละฮฺหนึ่งเดือน?   คำตอบคือ ภายหลังที่ท่านรสูลุลลอฮฺขอดุอาอ์กุนูตนาซิละฮฺประมาณหนึ่งเดือนแล้ว ท่านรสูลุลลอฮฺก็ไม่เคยขอดุอาอ์กุนูตเฉพาะในนมาซศุบหฺอีกเลย ดั่งหลักฐานจากท่านอบูฮุร็อยเราะฮฺเล่าว่า ปรากฏว่าท่านรสูลุลลอฮฺไม่เคยดุอาอ์กุนูตในนมาซศุบหฺ ยกเว้นในกรณีที่ท่านรสูลขอดุอาอ์ให้กับชนกลุ่มหนึ่ง หรือ สาปแช่งคนกลุ่มหนึ่ง (บันทึกโดยอิบนุ หิบบาน, ซึ่งท่านหาฟิซระบุว่า สายรายงานหะดีษข้างต้นเศาะหี้หฺ , หนังสือ อะหฺกามุลกุนูต หน้า 25)

หะดีษข้างต้นระบุอย่างชัดเจนว่า ท่านรสูลุลลอฮฺไม่เคยขอดุอาอ์กุนูตในนมาซศุบหฺเป็นประจำ ภายหลังที่ขอดุอาอ์กุนูตนาซิละฮฺอีกเลย

หลักฐานจากบรรดาเศาะหาบะฮฺที่พวกเขามิได้อ่านดุอาอ์กุนูตในทุกๆ การนมาซศุบหฺ
จากท่านอบู มาลิก อัลอัชอารีย์ เล่าว่า ฉันกล่าวกับพ่อของฉันว่า โอ้พ่อที่รักของฉัน ฉันเคยนมาซข้างหลังท่านรสูลุลลอฮฺ,ท่านอบูบักรฺ,ท่านอุมัร,ท่านอุษมาน และท่านอฺลีย์ บุตรของอบีฏอลิบ ที่เมืองกูฟะฮฺห้าปี ปรากฏว่าพวกเขาอ่านดุอาอ์กุนูตหรือไม่? เขาตอบว่า โอ้ลูกที่รักของฉัน นั่นถือว่าเป็นสิ่งที่ถูกประดิษฐ์ขึ้นมาใหม่นั่นเอง (บันทึกโดยอะหฺมัด,นะสาอีย์,ติรฺมิซีย์ สายสืบหะดีษเศาะหี้หฺ) 

อีกสำนวนหนึ่งบันทึกโดยท่านนะสาอีย์มีใจความว่า ฉันนมาซข้างหลังท่านอบูบักรฺ ซึ่งเขามิได้กุนูต, ฉันนมาซข้างหลังท่านอุมัรฺ เขาก็มิได้กุนูต, ฉันนมาซข้างหลังท่านอุษมาน เขาก็มิได้กุนูต และฉันนมาซด้านหลังท่านอฺลีย์ เขาก็มิได้ดุอาอ์กุนูต (ในศุบหฺ) เช่นกัน จากนั้นเขาก็กล่าวว่า โอ้ลูกที่รักของฉัน (นั่นคือ) บิดะฮฺ

ท่านนาฟิอฺเล่าว่า ปรากฏว่าท่านอิบนุ อุมัรไม่ดุอาอ์กุนูตในขณะนมาซ (หมายถึง มิได้ดุอาอ์กุนูตเป็นประจำนั่นเอง) (บันทึกโดยมาลิก, สายรายงานเศาะหี้หฺ)

ท่านอัลเกาะมะฮฺ  และท่านอัสวัดกล่าวว่า ปรากฏว่าท่านอับดุลลอฮฺไม่ดุอาอ์กุนูตในนมาซฟัรฺฎูต่างๆ ยกเว้นในนมาซวิตรก่อนร็อกอะฮฺ (หมายถึงก่อนรุกูอฺ) (บันทึกโดยอิบนุอะบีชัยบะฮฺ,อับดุรเราะซาก และอัฏฏ็อบรอนีย์)

ดังนั้นร่องรอยเป็นจำนวนมาก และสายรายงานที่หลากหลายจากเหล่าบรรดาเศาะหาบะฮฺของท่านรสูลุลลอฮฺจะเห็นได้ว่า พวกเขาไม่ดุอาอ์กุนูตในนมาซศุบหฺ ยกเว้น กุนูตนาซิละฮฺ หรืออันเนื่องจากความจำเป็น, ซึ่งท่านอบู มาลิก อัลอัชอารีย์ ซึ่งเป็นเศาะหาบะฮฺของท่านนบีรสูลุลลอฮฺ เขาเคยนมาซด้านหลังท่านรสูลุลลอฮฺ ในขณะนั้นเขาอายุได้ 10 ขวบ, เขาเคยนมาซด้านหลังบรรดาเคาะลิฟะฮฺทั้งสี่เป็นระยะเวลาหลายปี เขาไม่เคยได้ยินบุคคลใดในหมู่พวกเขาที่จะกุนูตในนมาซศุบหฺโดยไม่มีสาเหตุ, และผู้ที่อยู่ร่วมกับเขาคือ ท่านอิบนุมัสอูด, อิบนุอับบาส และอิบนุ  อัมรฺ เป็นต้น
อันที่จริงเป็นไปไม่ได้โดยเด็ดขาดที่บรรดาเศาะหาบะฮฺจะปฏิบัติสิ่งหนึ่งโดยไม่พิจารณาแบบฉบับ (สุนนะฮฺ) ของท่านนบีมุหัมมัด ดังนั้นการที่บรรดาศาะหาบะฮฺหลายต่อหลายท่านที่ไม่ดุอาอ์กุนูตในนมาซศุบหฺเป็นประจำ ยกเว้นกุนูตนาซิละฮฺ หรือกุนูตอันเนื่องจากความจำเป็นเท่านั้น  เมื่อเป็นเช่นนั้นบางท่านกล่าวว่าการไม่ดุอาอ์กุนูตนมาซศุบหฺเป็นทัศนะของเศาะหาบะฮฺเท่านั้น จึงเป็นทัศนะที่ฟังไม่ขึ้นนั่นเอง

อนึ่งที่อ้างว่า หรือมีทัศนะว่าให้ดุอาอ์กุนูตทุกๆ นมาซศุบหฺนั้น มีอยู่จริงโดยทัศนะเหล่านั้นได้หยิบยกหลักฐานอ้างอิงจากท่านอนัสเล่าว่า ما زال رسول الله صلى الله عليه وسلم   ความว่า ท่านรสูลุลลอฮฺยังคงอ่านดุอาอ์กุนูตในนมาซศุบหฺจนกระทั่งจากโลกนี้ไป (บันทึกโดยอะหฺมัด,ท่านบัยหะกีย์,ท่านอัดดารุก็อฏนีย์,ท่านอัฎเฎาะหาวีย์ และท่านอับดุรเราะซาก)  แต่ทว่าหะดีษข้างต้นมีปัญหา เนื่องจากทุกๆ สายรายงานหะดีษที่กล่าวถึงการกุนูตในนมาซศุบหฺเป็นประจำของท่านนบีนั้น มีนักรายงานหะดีษคนหนึ่งที่ชื่อ อบูญะอฺฟัรฺ อัรรอซีย์ ร่วมรายงานหะดีษอยู่ด้วย ซึ่งท่านอบูญะอฺฟัรฺ อัรรอซีย์ หรือมีชื่อจริงว่า อีสา บุตรของมาฮานนั้น ท่านอะหฺมัด และท่านนะสาอีย์ระบุว่า เขาไม่ใช่บุคคลที่แข็งแรง (ในเรื่องหะดีษ)  ท่านหาฟิซกล่าวไว้ว่าเขาเป็นคนความจำไม่ดี (ดูหนังสือ อะหฺกามุลกุนูต หน้า 31-32)

อนึ่ง ในหนังสือ มุสนัดุลอิมามอะหฺมัด บินหันบัล เล่ม 20  อธิบายหะดีษโดยเชคชุอัยบ์ อัลอัรฺนะอูฎ หน้า 95 ระบุไว้ว่า สายรายงานของหะดีษข้างต้นเฎาะอีฟ เนื่องจากท่านอบูญะอฺฟัรฺ อัรรอซีย์นั้น เขาเป็นคนความจำไม่ดี อีกท่านหะดีษข้างต้นยังค้านกับหะดีษที่มีนักรายงานหะดีษที่เชื่อได้อีกด้วย ดังเช่นหะดีษที่ระบุว่า แท้จริงท่านรสูลุลลอฮฺดุอาอ์กุนูต (เป็นระยะเวลา) หนึ่งเดือนเพื่อขอให้ (พระองค์อัลลอฮฺ) ลงโทษคนกลุ่มหนึ่งจากกลุ่มชนของอฺรับ (บันทึกโดยอิมามอะหฺมัด หะดีษที่ 12064) หรืออีกหะดีษบทหนึ่งระบุว่า แท้จริงท่านนบีมุหัมมัดจะไม่ดุอาอ์กุนูต ยกเว้นเมื่อท่านรสูลต้องการจะดุอาอ์เท่านั้น (ดูหนังสือ อะหฺกามุลกุนูต หน้า 32)

 ฉะนั้นสรุปว่า เรื่องการอ่านดุอาอ์กุนูตเฉพาะในนมาซศุบหฺซึ่งมีมุสลิมส่วนใหญ่นิยมกันทำนั้นไม่มีแบบฉบับมาจากท่านนบีมุหัมมัดแต่อย่างใดทั้งสิ้น อีกทั้งยังไม่ปรากฏบรรดาเศาะหาบะฮฺปฏิบัติเช่นนั้นเลยแม้แต่ครั้งเดียว  เมื่อเป็นเช่นนั้นการดุอาอ์กุนูตในนมาซศุบหฺเป็นประจำนั้นหุก่มจะว่าอย่างไร? คำตอบของปัญหาข้างต้นผมขอหยิบยกคำตอบของเชคอิบนุ บาซ ซึ่งเชคอิบนุ บาซตอบคำถามข้างต้นไว้ว่า ไม่ปรากฏว่าท่านนบีมุหัมมัดขอดุอาอ์กุนูตเป็นประจำในนมาซศุบหฺ อีกทั้งไม่ได้ขอดุอาอ์กุนูตที่มีสำนวนว่า อัลลอฮุมมะฮฺดินา ฟีมันฮะดัย.... และไม่ได้ขอดุอาอ์อื่นจากสำนวนดังกล่าวอีกด้วย อันที่จริงท่านนบีมุหัมมัดขอดุอาอ์กุนูตนาซิละฮฺ หมายถึงขอดุอาอ์ (ให้พระองค์อัลลอฮฺทรง)ลงโทษกลุ่มชนซึ่งเป็นศัตรูของอิสลามที่ทำร้ายบรรดามุสลิม โดยท่านนบีขอดุอาอ์ที่มีระยะเวลาที่ถูกเจาะจงไว้เท่านั้น, อีกทั้งยังมีหะดีษที่ระบุว่าไม่อ่านดุอาอ์กุนูตในนมาซศุบหฺอีกด้วย ดั่งหลักฐานของท่านสะอฺด์ บุตรของท่านฎอริก อัลอัชญะอีย์ ซึ่งเขากล่าวแก่พ่อของเขาว่า โอ้พ่อของฉัน อันที่จริงพ่อยืนนมาซด้านหลังของท่านรสูลุลอฮฺ, ด้านหลังท่านอบูบักรฺ,ด้านหลังท่านอุมัรฺ,ด้านหลังท่านอุษมาน และด้านหลังท่านอลีย์ (رضي الله عنهم ) ไม่ทราบว่าพวกเขาดุอาอ์กุนูตในนมาซศุบหฺหรือไม่? พ่อของเขาตอบว่า โอ้ลูกที่รักของพ่อ สิ่งดังกล่าวนั้น (หมายถึง การดุอาอ์กุนูตในนมาซศุบหฺนั้น) เป็นสิ่งที่อุตริกรรมขึ้นมาใหม่ (บันทึกโดยอะหฺมัด,ติรฺมิซีย์ และนะสาอีย์ ซึ่งสายรายงานของหะดีษข้างต้นเศาะหี้หฺ), ส่วนที่อ้างหะดีษของท่านอนัสที่ระบุว่า ท่านรสูลุลลอฮฺยังคงอ่านดุอาอ์กุนูตในนมาซศุบหฺจนกระทั่งจากโลกนี้ไปถือว่าเป็นหะดีษเฎาะอีฟในทัศนะของบรรดาปวงปราชญ์หะดีษ (หนังสือ อัลบิดะอุ วัลมะหฺดะษาต หน้า 518-519), วัลลอฮุอะอฺลัม


ขอบคุณเนื้อหาจากเว็บไซต์ : http://www.mureed.com/
present by : muslim hot report

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น