วันพุธที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

สามี (มืออาชีพ) เตือนภรรยาทันที หากนางละเมิดหลักการศาสนา

หน้าที่หนึ่งสำหรับสามี (มืออาชีพ) ทุกคนจะละทิ้งไม่ได้ ซึ่งมีความสำคัญพอๆ กับการจ่ายนะฟะเกาะฮฺ (ค่าเลี้ยงดู) เลยทีเดียวนั่นคือ การตักเตือนภรรยาทุกครั้งที่รู้หรือเห็นนางกระทำความผิดหรือละเมิดหลักการศาสนา เพราะการที่ภรรยาละเมิดหลักการของศาสนาถือเป็นความรับผิดชอบของสามีด้วย เพราะสามีเป็นผู้นำครอบครัว เมื่อผู้อยู่ในครอบครัวกระทำ หรือละเมิดหลักการของศาสนา ผู้นำก็ต้องตักเตือน และชี้แจงข้อมูลที่ถูกต้องให้ภรรยาได้รับทราบ พร้อมทั้งเปลี่ยนแปลงแก้ไขปรับปรุงตนเองให้สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของศาสนาต่อไป
ท่านหญิงอาอิชะฮฺ (รอดิยั้ลลอฮุอั้นฮุ) เล่าว่า นางเคยกล่าวแก่ท่านนบีมุหัมมัด ซล. ว่า “พอเพียงแล้วสำหรับท่านนบี ซล. เกี่ยวกับนางเศาะฟียะฮฺ (ซึ่งเป็นภรรยาของท่านนบี ซล. คนหนึ่ง) ท่านนบี ซล. ก็กล่าวขึ้นทันทีว่า หากคำพูด (ประโยค) ข้างต้นนำไปผสมกับน้ำในทะเลแล้วไซร้ แน่นอนยิ่ง (ประโยคข้างต้น) จะทำให้น้ำในทะเลเน่าเสียอย่างแน่นอน”
คำสอนของท่านนบีมุหัมมัด ซล. สุดยอดเหนือความสุดยอดจริงๆ เพราะท่านนบี ซล. ชี้ประเด็นในฐานะของสามีซึ่งภรรยากำลังละเมิดหลักการของศาสนา ด้วยการละเมิดสิทธิของผู้อื่น นั่นหมายรวมว่า ฟิตนะฮฺ (ความวุ่นวาย) จะเกิดขึ้นหากไม่รีบห้ามปราม หรือไม่รีบตักเตือน ท่านนบีมุหัมมัด ซล. ทราบดีในฐานะของรสูล และในฐานะสามีว่า หากท่านยอมรับฟังท่านหญิงอาอิชะฮฺ (รอดิยั้ลลอฮุอั้ลฮุ) แม้ว่านางจะเป็นภรรยาที่ท่านพึงพอใจมากที่สุดก็ตาม แต่ความรัก ความสิเน่หามิอาจอยู่เหนือหลักการอิสลามโดยเด็ดขาด ท่านนบีมุหัมมัด ซล. ได้ตักเตือนท่านหญิงอาอิชะฮฺ (รอดิยั้ลลอฮุอั้ลฮุ) ทันทีโดยไม่หล่อยเวลาให้เนิ่นนานหรือปล่อยทิ้งค้างไว้หลายวัน แต่ท่านนบี ซล. พูดทันควันหลังจากที่นางพูดจบ ย่อมชี้ให้เห็นว่า เมื่อภรรยาละเมิดหลักการ ต้องไม่ปล่อยไว้เนิ่นนาน แต่ต้องรีบตักเตือนทันทีเมื่อทราบ หรือรู้ว่าภรรยากำลังจะทำความผิด
ประเด็นต่อมา ท่านนบี ซล. เปรียบเทียบคำพูดของท่านหญิงอาอิชะฮฺ (รอดิยั้ลลอฮุอั้ลฮุ) ด้วยภาพที่รุนแรง ทั้งๆ ที่ดูผิดเผินแล้วไม่น่าจะรุนแรงถึงเพียงนั้น แต่ทว่า การละเมิดสิทธิผู้อื่น (ภาษาศาสนาเรียกว่า “หักกุลอาดัม”) นั้น มีโทษที่หนักหน่วงหากไม่มีการขออภัย (มะอัฟ) ซึ่งกันและกัน ท่านนบี ซล. จึงเปรียบเปรยด้วยภาพที่รุนแรง ทั้งนี้เพื่อปรามท่านหญิงอาอิชะฮฺ (รอดิยั้ลลอฮุอั้ลฮุ) ซึ่งเป็นภรรยาว่า ทีหลังอย่ากล่าวถึงผู้อื่นในแง่ไม่ดี หรือในแง่ที่ทำให้ผู้อื่นเสียหายไม่ว่ากรณีใดๆ ทั้งสิ้น ซึ่งผู้เขียนไม่ทราบว่า จะมีสามี (มืออาชีพ) สักกี่คนในปัจจุบันที่ยอมให้หลักการของอิสลามอยู่เหนือความรักที่มีต่อภรรยา, ไม่ยอมให้ความสิเน่หาต่อภรรยามีอิทธิพลเหนือความถูกต้องของอิสลาม? ผู้เขียนเชื่อว่าหากสามีคนใดอ่านหะดีษข้างต้นแล้ว คงต้องปรับปรุงตนเองให้มีความกล้าตักเตือนภรรยาทุกครั้งที่นางละเมิดหลักการศาสนาอย่างแน่นอน (อินชาอัลลอฮฺ)


ขอบคุณเนื้อหา อาจารย์มุรีด ทิมะเสน
Present by Muslim Hot Report

http://muslimhotreport.blogspot.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น