ที่มาของสามจังหวัดชายแดนภายใต้ ตามหลักฐานประวัติศาสตร์นั้น ยังไม่มีหลักฐานแน่นอนว่าได้ตั้งขึ้นเมื่อไร แต่ตามจดหมายเหตุของจีน ตอนที่ชาวจีนมีการติดต่อกับดินแดนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในคริสต์ศตวรรษที่ 2 นั้น เมืองลังกาสุกะ (Jangkaguka) ตั้งขึ้นแล้ว (Nakula), (1964-1965 : 20 อ้างถึงใน ฉวีวรรณ วรรณประเสริฐ 2524 : 7) จากจดหมายเหตุนี้ นักเขียนชาวยุโรปหลายคนเชื่อว่า เมืองลังกาสุกะ ดังกล่าวเป็นเมืองเดิมของปัตตานี (Wheatley 196 : 30 อ้างถึงในฉวีวรรณ วรรณประเสริฐ 2524 : 7) ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันออกของแหลมมลายู คือ อยู่ระหว่างสงขลากับกลันตัน มีเมืองหลวงอยู่ในบริเวณจังหวัดปัตตานีปัจจุบัน (Pearn 2511 : 8) อาณาจักรที่เจริญรุ่งเรืองมากในแหลมมลายู โดยมีปัตตานีเป็นเมืองหลวงและเมืองท่าที่สำคัญ ก่อนที่ศาสนาพราพมณ์จะเข้ามาในอาณาจักรนี้ราว ค.ศ. 200 ประชากรในบริเวณนี้นับถือภูตผีและธรรมชาติต่างๆ เช่น แม่น้ำ ต้นไม้ ฯลฯ
นักประวัติศาสตร์หลายคนเชื่อว่า ชาวลังกาสุกะนับถือศาสนาฮินดูหรือพราหมณ์ ภายใต้อิทธิพลของอารยธรรมอินเดียและลังกาสุกะเป็นเมืองท่าที่สำคัญตั้งแต่พุทธสตวรรษที่ 8 เพราะอ่าวลังกาสุกะ (อ่าวปัตตานี) ใช้เป็นที่หลบภัยพายุมรสุมของชาวเรือค้าขายได้เป็นอย่างดีต่อมาอาณาจักรศรีวิชัย (พุทธศตวรรษที่ 12-18) ได้แผ่อาณาเขตครอบคลุมบริเวณปัตตานี แหลมมาลายู บางส่วนของบอร์เนียว ชวาและสุมาตรา อิทธิพลของพุทธศาสนาได้เจริญรุ่งเรืองมากในบริเวณนี้ ดังนั้น ชาวปัตตานีจึงได้มีการนับถือศาสนาพุทธโดยทั่วไป (ฉวีวรร วรรณประเสริฐ 2525 : 7-8) พอล่วงมาถึงพุทธศตวรรษที่ 12 เมืองเล็กๆ ในเกาะสุมาตราได้รวมกันเข้าเป็นอาณาจักรเรียกว่า “อาณาจักรศรีวิชัย” และได้แผ่อำนาจไพศาลเข้ามาสู่ดินแดนไทยทางภาคใต้ตลอดไปจนถึงเมืองเพชรบุรี ซึ่งติดกับเขตแดนของอาณาจักรทวาราวดี ต่อมาอาณาจักรทั้งสองเสื่อมลง เมืองต่างๆ ก็ตั้งตัวเป็นอิสระในภาคใต้ มีเมืองตามพรลิงค์ ซึ่งต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นนครศรีธรรมราชได้แข็งเมืองไม่ขึ้นต่ออาณาจักรศรีวิชัย และได้ผนวกเอาหัวเมืองใกล้เคียงเข้ามาเป็นเมืองขึ้นถึง 12 เมือง เมื่ออาณาจักรศรีวิชัยเสื่อมอำนาจ ปรากฏว่า ในเกาะชวาและสุมาตราได้เกิดอาณาจักรใหม่ขึ้นเรียกว่า อาณาจักรมัชปาหิต บังเกิดความเจริญรุ่งเรืองสามารถแผ่นอิทธิพลไปถึงอรับและอินเดีย ปรากฏว่ามีชาวอรับและอินเดีย ซึ่งนับถือศาสนาอิสลามได้เข้ามาติดต่อค้าขาย และทำการเผยแผ่ศาสนาด้วยในคราวเดียวกัน ประมาณปี พ.ศ. 1980 (ค.ศ. 1437, ฮ.ศ. 857) ชาวอรับและอินเดียได้นำศาสนาอิสลามเข้ามาเผยแผ่ที่เมืองสิงคโปร์ มะละกา กลันตัน ไทรบุรี และเมืองปัตตานี (อุทัย หิรัญโต 2521 : 14-16)
หลังจากอาณาจักรลังกาสุกะได้รุ่งเรืองอยู่ไม่น้อยกว่า 1 พันปีอาณาจักรนี้ได้เลือนไปจากประวัติศาสตร์ จากการเข้าไปครอบคลุมของอาณาจักรศรีวิชัย และเมื่ออาณาจักรศรีวิชัยเสื่อมอำนาจลง นอกจากจะเกิดอาณาจักรมัชปาหิตที่ชวาแล้ว อาณาจักรปัตตานีก็เกิดขึ้นในอาณาบริเวณของอาณาจักรลังกาสุกะเดิม ประมาณปลายคริสต์ศตวรรษที่ 14 และอิสลามได้แผ่ขยายและรุ่งเรืองอย่างมากหลังจากที่ราชาของอาณาจักรนี้ได้เข้ารับอิสลาม
ด้วยประวัติข้างต้น ทำให้พี่น้องรู้ว่า ในอดีตก่อนที่ผู้คนในรัฐปัตตานีจะกลายเป็นมุสลิม ได้นับถือภูตผีปีศาจ, ต้นไม้ จากนั้นก็เปลี่ยนมานับถือศาสนาฮินดู, ศาสนาพราหมณ์ จากนั้นก็เปลี่ยนมาเป็นศาสนาพุทธ (มหายาน) จนกระทั่งสุดท้ายก็เปลี่ยนมานับถือศาสนาอิสลามจวบจนปัจจุบัน แม้ว่ารัฐปัตตานีจะกลายเป็นจังหวัดปัตตานี ซึ่งเป็นจังหวัดหนึ่งของประเทศไทยไปแล้วก็ตาม
ด้วยเหตุนี้ จึงไม่ต้องแปลกใจว่า ทำไมมุสลิมในประเทศไทยจึงมักมีความเชื่อของพุทธเข้ามาเกี่ยวข้อง หรือมีพิธีกรรมศาสนาพราหมณ์เข้ามาปะปนกับวิถีชีวิตของมุสลิมอยู่เนืองๆ เป็นเพราะในอดีตก่อนที่บรรพบุรุษของเราจะเป็นมุสลิม พวกเขานับถือทั้งศาสนาพราหมณ์และพุทธมาก่อนหน้านี้...นี่เอง จึงทำให้บางครั้งไม่สามารถแยกแยะออกได้เลยว่าแบบไหนคืออิสลาม และแบบไหนที่ไม่ใช่อิสลาม สุดท้ายเลยผสมปนเปกันโดยปริยาย จากนั้นก็นิยมปฏิบัติตามกันเรื่อยมาจนกระทั่งเป็นพิธีกรรม หรือประเพณีของมุสลิมบางกลุ่มบางก้อนจวบจนปัจจุบัน
แต่ด้วยขณะนี้ สังคมมุสลิมของเรามีโต๊ะครูที่จบศาสนามาจากต่างประเทศมากขึ้น กลับมาชี้แจง และสอนให้มุสลิมรู้ว่า สิ่งไหนไม่ใช่หลักการของอิสลาม และสิ่งไหนคือสิ่งที่เรียกว่าอิสลาม แม้โต๊ะครูเหล่านั้นจะพยายามสักเพียงใด แต่ร่องรอยแห่งการยึดติดสิ่งที่บรรพบุรุษได้กระทำมาอย่างนมนานก็ยากยิ่งจะสลัดทิ้งได้หมด เช่นนี้แหละหนังสือเล่มนี้ จึงเสมือนหนึ่งช่วยบรรเทาให้พี่น้องผู้อ่านได้รับทราบรับรู้ถึงข้อเท็จจริงของศาสนา พร้อมกระตุ้นให้มุสลิมลุกขึ้นมาปฏิบัติวิถีของตนเองโดยสลัดทิ้งความเชื่อ หรือการปฏิบัติที่ไม่ใช่อิสลามให้หมดไปจากตัวของมุสลิมเอง และให้หมดไปจากสังคมมุสลิมเสียที ซึ่งสิ่งที่ว่านั้นมีพิธีกรรมอะไรบ้าง มีความเชื่ออะไรบ้างนั้น กรุณาศึกษาเนื้อหาจากหนังสือเล่มนี้ได้เลยครับ
ขอบคุณเนื้อหา อาจารย์มุรีด ทิมะเสน
Present by Muslim Hot Report
http://muslimhotreport.blogspot.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น